ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา พร้อมกับมาตรการภาษีใหม่ต่อจีน จุดชนวนความขัดแย้งทางการค้าครั้งใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทั่วโลก
มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการค้ารวมมูลค่ากว่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี โดยทรัมป์ให้เหตุผลว่าทั้งสามประเทศล้มเหลวในการยับยั้งการไหลเข้าของเฟนทานิลและสารตั้งต้นที่เป็นต้นเหตุของปัญหายาเสพติดในสหรัฐฯ นอกจากนี้ เขายังประกาศว่าจะมีการขึ้นภาษีรอบใหม่ในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งรวมถึง "ภาษีตอบโต้" และมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี เพื่อลดความไม่สมดุลทางการค้าที่สหรัฐฯ เสียเปรียบมานาน
"ประเทศอื่นใช้ภาษีกับเรามาหลายสิบปี ตอนนี้ถึงเวลาของเราแล้ว" ทรัมป์กล่าว พร้อมอ้างถึงภาษีนำเข้าที่อินเดีย เกาหลีใต้ สหภาพยุโรป และจีนใช้กับสินค้าสหรัฐฯ
กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันทีว่า "ถ้าสหรัฐฯ ต้องการสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามภาษีหรือสงครามการค้า จีนก็พร้อมสู้จนถึงที่สุด" พร้อมประกาศขึ้นภาษี 10-15% กับสินค้าสหรัฐฯ บางรายการตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม และเตรียมออกมาตรการคุมเข้มการส่งออกให้กับบริษัทสหรัฐฯ
แคนาดาก็ไม่นิ่งเฉย นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ประณามมาตรการของทรัมป์ ก่อนจะขึ้นภาษี 25% กับสินค้าสหรัฐฯ มูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา ซึ่งครอบคลุมสินค้ายอดนิยมอย่างน้ำส้ม เนยถั่ว ไวน์ เบียร์ กาแฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า และมอเตอร์ไซค์
ทรูโดยังเตือนว่าหากภาษีของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ภายใน 21 วัน แคนาดาจะขยายมาตรการตอบโต้ไปยังรถยนต์ เหล็ก อากาศยาน เนื้อวัว และเนื้อหมู รวมถึงยื่นเรื่องร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WTO) และภายใต้ข้อตกลง USMCA
เม็กซิโกเองก็ตอบโต้ผ่านประธานาธิบดีเคลาดิอา ไชน์บอม ที่ยืนยันว่าจะมีมาตรการโต้กลับ แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด โดยคาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์
นอกจากนี้ รัฐออนแทรีโอของแคนาดายังฉีกสัญญามูลค่า 100 ล้านดอลลาร์กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ของอีลอน มัสก์ แบนบริษัทสหรัฐฯ จากการรับงานภาครัฐ และขู่จะเพิ่มค่าธรรมเนียมส่งออกไฟฟ้าไปยังสหรัฐฯ อีก 25%
"ถ้าแคนาดาเก็บภาษีตอบโต้ เราจะขึ้นภาษีเท่ากันทันที!" ทรัมป์โพสต์บนโซเชียลมีเดียส่วนตัว
มาตรการภาษีของทรัมป์เริ่มส่งผลต่อราคาสินค้าในสหรัฐฯ ทันที ซีอีโอของ Target ออกมายืนยันว่าร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่จะขึ้นราคาสินค้ากลุ่มอาหารตามฤดูกาล เช่น อะโวคาโดจากเม็กซิโก ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
Best Buy เตือนว่าภาษีใหม่ของทรัมป์ต่อสินค้าจีน 20% จะกระทบกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์สำคัญ เช่น สมาร์ทโฟน แล็ปท็อป เครื่องเล่นเกม สมาร์ตวอทช์ และอุปกรณ์บลูทูธ ซึ่งจีนยังเป็นซัพพลายเออร์อันดับหนึ่งของบริษัท
นักเศรษฐศาสตร์จาก Nationwide Mutual คาดการณ์ว่าภาษีชุดใหม่นี้อาจทำให้ค่าครองชีพของชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นเกือบ 1,000 ดอลลาร์ต่อครัวเรือนต่อปี แม้ว่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอาจช่วยลดผลกระทบจากเงินเฟ้อบางส่วน
ภาษีของทรัมป์ไม่ได้กระทบแค่ราคาสินค้า แต่ยังกระทบตลาดการเงินทั่วโลก ดัชนีหุ้นร่วงลงทันทีหลังการประกาศมาตรการ ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เริ่มสั่นคลอน โดยธนาคารกลางแห่งแอตแลนตา (Fed Atlanta) ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไตรมาสแรกของสหรัฐฯ จาก +2.3% เหลือ -2.8% ภายในสัปดาห์เดียว
สำหรับเกษตรกรสหรัฐฯ นี่คือฝันร้ายซ้ำรอย สงครามการค้าครั้งแรกของทรัมป์ในสมัยแรกทำให้พวกเขาสูญเสียยอดขายส่งออกไปกว่า 27,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะตลาดจีนที่หันไปซื้อสินค้าเกษตรจากบราซิลแทน