เปิด 5 ประเด็นร้อน จีนประชุมสองสภา 2025 กำหนดอนาคตเศรษฐกิจ

05 มี.ค. 2568 | 05:00 น.

จับตาการประชุมสองสภาของจีนปี 2025 กับ 5 ประเด็นร้อนที่อาจกำหนดอนาคตประเทศ ทั้งเป้าหมายเศรษฐกิจ นโยบายต่างประเทศ ทิศทาง AI และนโยบายภายในที่ทั่วโลกต้องติดตาม

"การประชุมสองสภา" ซึ่งเป็นการประชุมทางการเมืองระดับชาติที่สำคัญของจีนที่จะกำหนดทิศทางนโยบายของประเทศ มีกำหนดเริ่มจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งสัปดาห์นี้ ท่ามกลางฉากหลังของสภาพแวดล้อมอันสลับซับซ้อนและท้าทายในจีนและทั่วโลก

การประชุมประจำปีของคณะกรรมการแห่งชาติประจำสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ปรึกษาทางการเมืองระดับสูงสุดของจีน เริ่มขึ้นในวันอังคาร (4 มี.ค.) ส่วนการประชุมของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (NPC) ซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติระดับสูงสุด จะเริ่มขึ้นในวันพุธ (5 มี.ค.)

เครดิตภาพ : ซินหัว

นายกรัฐมนตรีของจีน สมาชิกสภานิติบัญญัติระดับสูง ที่ปรึกษาทางการเมืองระดับสูง รวมถึงหัวหน้าศาลประชาชนสูงสุดและอัยการประชาชนสูงสุดจะนำเสนอรายงานการปฏิบัติงาน โดยสมาชิกสภานิติบัญญัติจะทบทวนงบประมาณประจำปีและแผนการพัฒนาของรัฐบาล พร้อมพิจารณาแก้ไขร่างกฎหมายว่าด้วยสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติและสภาผู้แทนประชาชนท้องถิ่น

เป้าหมายการเติบโตสำหรับปี 2025

ปกติแล้วเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนที่กำหนดไว้ในรายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาลถือเป็นหนึ่งในตัวเลขที่ถูกจับตามองมากที่สุด โดยจีดีพีไม่ใช่เพียงตัวชี้วัดเศรษฐกิจ แต่ยังถือเป็นตัวบ่งชี้สำคัญขณะที่เศรษฐกิจของจีนกำลังเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาที่มีคุณภาพสูง

เมื่อปี 2024 จีนบรรลุเป้าหมายการเติบโตราวร้อยละ 5 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากชุดมาตรการมหภาคที่สำคัญที่มีการบังคับใช้เพื่อชดเชยแรงกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจขาลง

นโยบายการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป

จีนจะออกนโยบายแบบเจาะจงเป้าหมายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและบรรลุเป้าหมายการเติบโต ซึ่งคาดว่ารายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาลจะประกาศมาตรการนโยบายเพื่อรับรองการบรรลุเป้าหมาย

จีนได้ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจมหภาคไปแล้ว โดยในการประชุมงานด้านเศรษฐกิจส่วนกลางประจำปีเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คณะผู้กำหนดนโยบายได้ให้คำมั่นว่าจะออกนโยบายเศรษฐกิจมหภาคเชิงรุกมากขึ้นในปี 2025 และตัดสินใจดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายในระดับปานกลาง ซึ่งถือเป็นการปรับเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญจากนโยบายการเงินแบบระมัดระวังในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา

การหารือระหว่างผู้นำ สมาชิกสภานิติบัญญัติ และที่ปรึกษา

ระหว่างการประชุมสองสภา กลุ่มผู้นำจีน ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ จะหารือกับสมาชิกสภาฯ คนอื่นๆ ในการปรึกษาหารือเป็นกลุ่ม และหารือกับคณะที่ปรึกษาทางการเมืองเกี่ยวกับประเด็นร้อนที่มีความสำคัญที่สุดต่อการกำกับดูแลของรัฐ

การปรึกษาหารือเหล่านี้เปรียบเสมือนหน้าต่างสังเกตการณ์ว่าผู้นำส่วนกลางรับทราบสถานการณ์จริงในระดับรากหญ้าอย่างไร สิ่งนี้คือลักษณะเฉพาะของประชาธิปไตยของจีน หรือที่มักเรียกขานในวาทกรรมร่วมสมัยว่าประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมทั้งกระบวนการ

นโยบายการต่างประเทศ

การประชุมสองสภายังช่วยไขกระจ่างเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการต่างประเทศของจีน เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมักแถลงข่าวนอกรอบการประชุม

เมื่อปีที่แล้ว หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ตอบคำถาม 21 ข้อระหว่างการแถลงข่าวนาน 90 นาทีที่มีผู้สื่อข่าวจากทั่วโลกเข้าร่วม ซึ่งหวังได้กล่าวถึงประเด็นร้อนระดับภูมิภาคและนานาชาติ เช่น วิกฤตยูเครนและความขัดแย้งปาเลสไตน์-อิสราเอล รวมถึงนโยบายต่างประเทศของจีนที่มีต่อรัสเซีย สหรัฐฯ ยุโรป และกลุ่มประเทศโลกใต้

สำหรับการประชุมประจำปีนี้ ข้อเสนอของจีนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะยิ่งน่าจับตาเป็นพิเศษในบริบทของภูมิทัศน์ระดับโลกที่ปั่นป่วนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เอไอ นวัตกรรม

นวัตกรรมทางเทคโนโลยีจะเป็นอีกประเด็นสำคัญในการประชุมสองสภาของปีนี้ โดยอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีแนวโน้มได้รับความสนใจเป็นพิเศษ

ช่วงเดือนที่ผ่านมา DeepSeek สตาร์ตอัปเทคโนโลยีของจีน ได้สร้างความตกตะลึงให้กับอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์และตลาดทุนทั่วโลก ด้วยการเปิดตัวแชทบอตแบบโอเพ่นซอร์สยอดนิยม

เครดิตภาพ : ซินหัว

บริษัทจีนแห่งอื่นๆ เช่น เทนเซ็นต์ (Tencent) ไป่ตู้ (Baidu) และบีวายดี (BYD) ได้เริ่มนำดีปซีกมาใช้กับผลิตภัณฑ์ของตนแล้ว ขณะหน่วยงานท้องถิ่นบางส่วนได้ประกาศความร่วมมือกับโมเดลเอไอดีปซีกเพื่อยกระดับบริการสาธารณะ หรือจัดการฝึกอบรมเพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่และมืออาชีพทางธุรกิจเข้าใจการพัฒนาและการใช้งานดีปซีกและเทคโนโลยีเอไออื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การประชุมสองสภายังเป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้กำหนดนโยบายและที่ปรึกษาทางการเมืองในการเสนอแนะและส่งเสริมฉันทามติในวงกว้างเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่บางส่วนเป็นผู้บริหารองค์กรและนักวิจัยชั้นนำ ดังนั้นข้อเสนอแนะที่พวกเขาจะนำเสนอในด้านเอไอจึงจะเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่น่าจับตา