โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ากับ แคนาดา และ เม็กซิโก 25% โดยจะมีผลตั้งแต่วันอังคารเป็นต้นไป ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกปั่นป่วน หุ้นร่วงหนัก ขณะที่ค่าเงิน เปโซเม็กซิโก และ ดอลลาร์แคนาดา อ่อนค่าลงทันที
การตัดสินใจครั้งนี้ของทรัมป์ ไม่เพียงแต่กดดันให้สองประเทศเพื่อนบ้านต้องย้ายฐานการผลิตมาอยู่ในสหรัฐฯ แต่ยังเป็นการตอกย้ำนโยบาย "America First" ที่เคยเป็นนโยบายหลักของทรัมป์
ทรัมป์กล่าวอย่างชัดเจนว่า "ไม่มีที่ว่างสำหรับข้อตกลงใดๆ อีกแล้ว" โดยอ้างว่า มาตรการขึ้นภาษีครั้งนี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อกดดันให้เม็กซิโกจัดการกับการลักลอบนำเข้ายาเฟนทานิลที่เป็นปัญหาใหญ่ในสหรัฐฯ พร้อมกับประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจาก จีน เพิ่มเป็น 20% จากเดิม 10% เพื่อลงโทษปักกิ่งที่ไม่สามารถยับยั้งการส่งออกเฟนทานิลไปยังสหรัฐฯ ได้
แน่นอนว่า แคนาดาและเม็กซิโกไม่อยู่เฉย โดยนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด ของแคนาดา ประกาศตอบโต้ทันที ด้วยการเก็บภาษี 25% กับสินค้าสหรัฐฯ มูลค่า 155,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 107,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งจะเริ่มมีผลในวันเดียวกับที่ทรัมป์บังคับใช้ภาษี
"มาตรการนี้จะมีผลจนกว่าสหรัฐฯ จะถอนภาษีออกไป และหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เรากำลังหารือกับรัฐบาลระดับมลรัฐและเขตปกครองพิเศษเพื่อออกมาตรการอื่นๆ นอกเหนือจากภาษี" ทรูโดกล่าว
ขณะที่ เม็กซิโก ยังไม่ประกาศมาตรการตอบโต้ในทันที โดยกระทรวงเศรษฐกิจระบุว่าจะรอให้ ประธานาธิบดีเคลาดีอา ไชน์บอม แถลงอย่างเป็นทางการในเช้าวันอังคาร แต่ได้กล่าวเป็นนัยว่า "เรามีแผน B, C และ D พร้อมรับมือ"
การขึ้นภาษีครั้งนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนโดยตรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของอเมริกาเหนือ ซึ่งพึ่งพาซัพพลายเชนจากทั้งสามประเทศเป็นหลัก
กุสตาโว ฟลอเรส-มาซิอัส ศาสตราจารย์ด้านนโยบายสาธารณะจากมหาวิทยาลัยคอร์แนลล์ เตือนว่า ราคายานยนต์จะพุ่งสูงขึ้น ในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น และความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทานที่ต้องปรับตัว
"หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นหลายพันดอลลาร์ต่อคัน ซึ่งอาจส่งผลให้ยอดขายลดลงและทำให้โรงงานผลิตหลายแห่งต้องปิดตัวลง" ฟลอเรส-มาซิอัสกล่าว
ดั๊ก ฟอร์ด นายกรัฐมนตรีของออนแทรีโอ แคนาดา ถึงกับเตือนว่า โรงงานรถยนต์ในรัฐมิชิแกนอาจต้องปิดตัวภายในหนึ่งสัปดาห์ และแคนาดาอาจหยุดส่งออกแร่นิกเกิลและไฟฟ้าข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ "เราไม่ต้องการตอบโต้ แต่ถ้าสหรัฐฯ ทำแบบนี้ เราก็จะทำให้พวกเขาเจ็บปวดในแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน" ฟอร์ดย้ำ
ข่าวการขึ้นภาษีสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วตลาดการเงิน โดย ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 649.67 จุด (-1.48%) S&P 500 ลดลง 104.78 จุด (-1.76%) Nasdaq ดิ่งหนักสุด 497.09 จุด (-2.64%)
หุ้นของบริษัทรถยนต์ได้รับผลกระทบหนัก โดย General Motors (GM) ร่วง 4% ขณะที่ Ford ลดลง 1.7%
ขณะเดียวกัน ค่าเงิน เปโซเม็กซิโก และ ดอลลาร์แคนาดา อ่อนค่าลงทันที หลังทรัมป์ประกาศนโยบายดังกล่าว
จีนซึ่งเป็นเป้าหมายของการขึ้นภาษีรอบล่าสุดของทรัมป์ ก็ออกมาตอบโต้ทันที กระทรวงพาณิชย์จีนประณามวอชิงตันว่า "ไม่มีเหตุผลและไร้หลักฐาน" พร้อมขอให้สหรัฐฯ ถอนภาษีโดยเร็วที่สุด
สื่อของรัฐ Global Times รายงานว่า จีนอาจพุ่งเป้าไปที่สินค้าเกษตรและอาหารของสหรัฐฯ เป็นมาตรการตอบโต้
แม้ทำเนียบขาวจะอ้างว่า ผลกระทบต่อเงินเฟ้อจะ "เล็กน้อย" แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายฝ่ายมองต่างออกไป
เดสมอนด์ ลัคแมน นักวิเคราะห์จาก American Enterprise Institute เตือนว่า มาตรการภาษีชุดใหม่นี้อาจส่งผลให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก