สหรัฐฯ กำลังวางแผนผ่อนปรน มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซียและยุติสงครามในยูเครน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และบุคคลอีกคนที่ทราบเรื่องดังกล่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์
ในรายละเอียดระบุว่า ทำเนียบขาวได้ขอให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการคลังร่างมาตรการคว่ำบาตรที่อาจได้รับการผ่อนปรนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ หารือกับตัวแทนของรัสเซียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจากับรัสเซียเกี่ยวกับการปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจ
เมื่อปีที่แล้ว รัสเซียได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ว่า "ต่ำกว่าศูนย์" ภายใต้การบริหารของโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐที่สนับสนุนยูเครนด้วยความช่วยเหลือและอาวุธ และได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่เข้มงวดเพื่อลงโทษรัสเซียในปี 2022
ทรัมป์สัญญาว่าจะยุติสงครามโดยเร็ว เเละได้พลิกนโยบายของสหรัฐฯ เปิดการเจรจากับรัสเซีย โดยเริ่มตั้งแต่การโทรศัพท์คุยกับ วลาดิมีร์ ปูติน เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ตามมาด้วยการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และรัสเซียในซาอุดีอาระเบียและตุรกี
แม้ว่าเมื่อเดือนมกราคม ทรัมป์ขู่ว่าจะเพิ่มการคว่ำบาตรรัสเซียหากปูตินไม่เต็มใจที่จะเจรจายุติสงครามในยูเครน
ขณะที่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า รัสเซียอาจได้รับความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ ขึ้นอยู่กับว่ารัสเซียจะเจรจาอย่างไร
ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลทรัมป์จะพิจารณายกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรายการใดเป็นอันดับแรก แต่ทรัมป์สามารถออกคำสั่งฝ่ายบริหารที่จะอนุญาตให้รัฐบาลเริ่มกระบวนการผ่อนปรนการคว่ำบาตรรัสเซียบางส่วนได้ แต่จะต้องขออนุมัติจากรัฐสภา เพื่อยกเลิกมาตรการกับหน่วยงานบางแห่งด้วย
นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป รวมไปถึงประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา และญี่ปุ่น กำหนดมาตรการคว่ำบาตร รัสเซียมากกว่า 16,500 กรณี
สำรองเงินตราต่างประเทศของรัสเซียมูลค่า 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณครึ่งหนึ่งของเงินสำรองทั้งหมดถูกอายัดไว้
สหภาพยุโรประบุว่า ทรัพย์สินของธนาคารรัสเซียประมาณ 70% ก็ถูกอายัดเช่นกัน และบางส่วนไม่รวมอยู่ใน Swift หรือ "Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีรูปแบบข้อความเป็นของตัวเอง เพื่อให้ธนาคารสมาชิกใช้บริการรับส่งข้อความทางการเงินระหว่างประเทศที่มีระบบเป็นมาตรฐานสากล รวดเร็ว และปลอดภัย
นอกจากนี้ยังมีการ ห้ามส่งออกเทคโนโลยีที่รัสเซียอาจใช้ในการผลิตอาวุธ ห้ามนำเข้าทองคำและเพชรจากรัสเซีย ห้ามเที่ยวบินจากรัสเซีย
เหล่าผู้มีอำนาจที่ถูกคว่ำบาตร ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่งที่เชื่อมโยงกับรัสเซีย โดยมีการยึดเรือยอทช์ของพวกเขา รวมทั้งอุตสาหกรรมน้ำมันของรัสเซียก็เป็นเป้าหมายหลักอีกแห่งหนึ่ง
สหรัฐและสหราชอาณาจักร ห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย สหภาพยุโรปห้ามนำเข้าน้ำมันดิบทางทะเล
กลุ่ม G7 ซึ่งเป็นองค์กรของกลุ่มเศรษฐกิจ 7 แห่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้กำหนดราคาสูงสุดสำหรับน้ำมันดิบของรัสเซียไว้ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพื่อพยายามลดรายได้ของประเทศ
บริษัทตะวันตกใดบ้างที่ได้ออกจากรัสเซีย
บริษัทใหญ่ๆ หลายร้อยแห่ง รวมถึง McDonald's Coca-Cola Starbucks และ Heineken ต่างหยุดการขายและการผลิตสินค้าในรัสเซีย
รัสเซียหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรได้อย่างไร
ตามรายงานของ Atlantic Council ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยของสหรัฐฯ ระบุว่า รัสเซียสามารถขายน้ำมันไปยังต่างประเทศได้ในราคาที่สูงกว่าราคาที่กลุ่ม G7 กำหนด โดยรัสเซียใช้เรือบรรทุกน้ำมันประมาณ 1,000 ลำในการขนส่ง
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ ระบุว่า รัสเซียยังคงส่งออกน้ำมัน 8.3 ล้านบาร์เรลต่อวันโดยเพิ่มปริมาณการส่งออกไปยังอินเดียและจีน
รัสเซียสามารถนำเข้าสินค้าตะวันตกที่ถูกคว่ำบาตรได้หลายรายการโดยการซื้อผ่านประเทศต่างๆ เช่น จอร์เจีย เบลารุส และคาซัคสถาน
การคว่ำบาตรส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของรัสเซียอย่างไร
ปี 2022 ซึ่งเป็นปีแรกของสงคราม เศรษฐกิจของรัสเซียหดตัวลง 2.1% ตามข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังสหรัฐฯ อ้างว่า มาตรการคว่ำบาตรส่งผลเสียหายต่อรัสเซีย โดยทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของรัสเซียลดลง 5% ซึ่งอาจลดลงได้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
สงครามในยูเครนและการคว่ำบาตรส่งผลให้ประชาชนมากกว่าล้านคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวและมีการศึกษาสูง อพยพออกจากรัสเซีย นอกจากนี้รัฐบาลรัสเซียได้ลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข เพื่อจัดหาทุนสำหรับสงครามในยูเครนอีกด้วย