ในช่วงเวลาที่ความไม่แน่นอนของการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ต่อยูเครนเพิ่มขึ้น ผู้นำยุโรปได้แสดงจุดยืนที่แข็งแกร่งด้วยการร่วมกันร่าง "แผนสันติภาพยูเครน" เพื่อเสนอให้สหรัฐฯ พิจารณา ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจส่งผลต่อแนวทางความมั่นคงของภูมิภาคและการยุติสงครามที่ดำเนินมายาวนานกว่า 3 ปี
ที่ประชุมสุดยอดในกรุงลอนดอนซึ่งจัดขึ้นหลังจากประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี มีปากเสียงกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้บรรดาผู้นำยุโรปเร่งเดินหน้าผลักดันแนวทางใหม่โดยเร็ว
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมนี้ ได้ให้การต้อนรับเซเลนสกีอย่างดี และประกาศว่า อังกฤษ ยูเครน ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ กำลังจัดตั้ง "แนวร่วมของผู้เต็มใจ" (Coalition of the Willing) เพื่อร่างแผนสันติภาพที่ยั่งยืนและเป็นธรรม ก่อนนำเสนอต่อทรัมป์
"นี่ไม่ใช่เวลาสำหรับคำพูดอีกต่อไป แต่เป็นเวลาที่ต้องลงมือทำ" สตาร์เมอร์กล่าว
แม้ว่าผู้นำยุโรปจะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของแผนนี้ แต่ก่อนหน้าการประชุม ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เปิดเผยว่า แผนดังกล่าวอาจเริ่มต้นด้วยการหยุดยิงเป็นระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งครอบคลุมเฉพาะการโจมตีทางอากาศและทางทะเล แต่ไม่รวมถึงการสู้รบบนภาคพื้นดิน
ขณะเดียวกัน บรรดาผู้นำยุโรปตระหนักดีว่าหากต้องการให้สหรัฐฯ มีส่วนร่วมในการรักษาความมั่นคงของยุโรป พวกเขาต้องพิสูจน์ว่ายุโรปสามารถดูแลตนเองได้ ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นพ้องต้องกันว่าแต่ละประเทศควรเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม
อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า "ยุโรปต้องกลายเป็น 'เม่นเหล็ก' ที่ไม่มีใครสามารถกลืนกินได้"
หลังการประชุม เซเลนสกีประกาศว่า "ยูเครนจะไม่ยอมเสียแผ่นดินให้รัสเซีย" และยืนยันว่าเขาพร้อมลงนามในข้อตกลงด้านแร่ธาตุกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเสนอเพื่อดึงดูดทรัมป์ให้กลับมาสนับสนุนยูเครน
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความขัดแย้งกับทรัมป์ เซเลนสกีกล่าวว่า เขาเชื่อว่าสามารถฟื้นความสัมพันธ์กับทรัมป์ได้ แต่การเจรจาจะต้องเกิดขึ้นแบบปิด ไม่ใช่การปะทะกันต่อหน้าสาธารณชน
ขณะที่ยุโรปกำลังพยายามรักษาบทบาทสำคัญในกระบวนการเจรจาสันติภาพ พวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่จากทรัมป์ ที่ได้ติดต่อพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียโดยไม่แจ้งให้ยุโรปหรือยูเครนทราบ อีกทั้งยังส่งคณะผู้แทนไปซาอุดีอาระเบียเพื่อพูดคุยกับรัสเซีย โดยไม่มีการเชิญยูเครนเข้าร่วม
ท่าทีนี้ทำให้ยุโรปกังวลว่าสหรัฐฯ อาจพยายามบังคับให้ยูเครนยอมรับข้อตกลงสันติภาพที่รัสเซียเป็นผู้กำหนด
เพื่อป้องกันไม่ให้ยุโรปถูกกันออกจากการเจรจา สตาร์เมอร์เสนอให้ตนเองเป็นตัวกลางระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ โดยหวังว่าจะสามารถโน้มน้าวให้ทรัมป์รับฟังข้อเสนอของยุโรป
"ยุโรปต้องทำงานหนักขึ้น แต่หากต้องการความสำเร็จในการรักษาสันติภาพ เราจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากสหรัฐฯ" สตาร์เมอร์กล่าว
ในขณะที่ยุโรปพยายามเสริมสร้างความมั่นคงให้ยูเครน รัสเซียกลับออกมาแสดงความพึงพอใจต่อท่าทีของทรัมป์
เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ยกย่องทรัมป์ว่าเป็น "ผู้นำที่มีสามัญสำนึก" และกล่าวหาผู้นำยุโรปว่าพยายามยืดเวลาความขัดแย้งโดยการสนับสนุนเซเลนสกี
อย่างไรก็ตาม เซเลนสกียังคงได้รับแรงสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากยุโรป และล่าสุดเขาได้เดินทางไปพบกับสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่พระตำหนักส่วนพระองค์ในอังกฤษ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างยูเครนและยุโรป
การประชุมสุดยอดในลอนดอนแสดงให้เห็นถึงการดิ้นรนของยุโรปในการสร้างเสถียรภาพให้กับยูเครน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของท่าทีจากสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ แม้ยุโรปจะพยายามร่างแผนสันติภาพและเพิ่มงบประมาณกลาโหมเพื่อดึงดูดความร่วมมือจากสหรัฐฯ แต่ก็ยังไม่มีความแน่นอนว่าทรัมป์จะให้การสนับสนุนหรือไม่