"ท่านไม่ได้เลี้ยงลูกเพื่อลูกของท่าน แต่ท่านกำลังเลี้ยงลูกเพื่อแผ่นดิน" คำกล่าวของ นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ให้สัมภาษณ์พิเศษในโอกาส 10 ปี กรมกิจการเด็กและเยาวชน
สะท้อนแนวคิดอันลึกซึ้งที่ทุกคนในสังคมควรตระหนัก โดยเฉพาะในยุคที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตประชากรเด็กเกิดน้อย แต่กลับมีปัญหาซับซ้อนมากขึ้น
ท่ามกลางสถานการณ์เด็กเกิดใหม่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง "ปัญหาเด็กและเยาวชนกลับสวนทางกับจำนวนที่เกิด" นางอภิญญากล่าว "ปัญหามีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด ความรุนแรง โดยเฉพาะในยุคหลังสถานการณ์โควิดที่มีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอย่างมาก"
รัฐบาลได้กำหนดนโยบาย "5 คูณ 5 ฝ่าวิกฤตประชากร" โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชนรับผิดชอบในยุทธศาสตร์การเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพของเด็กและเยาวชน ภายใต้แนวคิด "เด็กเกิดน้อย ต้องเปรียบด้วยคุณภาพ" แต่การทำงานนี้ไม่อาจสำเร็จได้โดยภาครัฐเพียงลำพัง
"เด็กทุกคนเลือกเกิดไม่ได้ว่าจะเกิดในครอบครัวที่มั่งมีหรือยากจน แต่เมื่อเกิดมาแล้ว เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกเป็นได้" นางอภิญญากล่าวย้ำถึงความสำคัญของผู้ใหญ่ในสังคม โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ต้องทำหน้าที่ให้เด็กได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานตามหลักสากล
"เราต้องให้เด็กมีชีวิตรอดและปลอดภัย ได้รับการปกป้องคุ้มครอง ได้รับการพัฒนาเหมาะสมตามวัย และมีส่วนร่วมในสังคม" อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนกล่าว
น่าสนใจว่า ในยามที่พ่อแม่รู้สึกว่าการเลี้ยงดูลูกเป็นภาระหนักเกินกำลัง ทางออกไม่ใช่การละทิ้งหรือทำร้ายเด็ก แต่มีระบบช่วยเหลือรองรับ
"หากท่านรู้สึกเหลือบ่ากว่าแรง อย่าทิ้งหรือทำร้ายเด็ก โทรศัพท์แจ้งที่สายด่วน 1300 เพื่อขอความช่วยเหลือ" นางอภิญญาแนะนำ
การดูแลและพัฒนาเด็กไม่ใช่หน้าที่ของพ่อแม่หรือหน่วยงานรัฐเท่านั้น แต่เป็นภารกิจของทุกคนในสังคม นางอภิญญาย้ำว่า "เด็กทุกคนคือคนของแผ่นดิน ที่จะเติบโตไปข้างหน้า ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม"
ทุกคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นครู ผู้นำชุมชน เพื่อนบ้าน ล้วนมีส่วนสำคัญในการเป็นแบบอย่างที่ดีและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้กับเด็กๆ "ถ้าลูกเราดี แผ่นดินก็จะมีทรัพยากรมนุษย์ที่ดี ประเทศชาติเราก็จะดีไปด้วย" นางอภิญญากล่าว
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา กรมกิจการเด็กและเยาวชนได้สร้างเครือข่ายการดูแลเด็กที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งกลไกสภาเด็กและเยาวชนในทุกระดับ บ้านพักเด็กและครอบครัว 77 แห่งทั่วประเทศ และสถานสงเคราะห์รวม 31 แห่ง ซึ่งปัจจุบันมีเด็กในความดูแลประมาณ 5,000 คน
เด็กในความดูแลของกรมฯ ได้รับการสนับสนุนให้เรียนหนังสือตามที่ต้องการ ทั้งสายสามัญและสายอาชีพ "เด็กสามารถอยู่ในความดูแลของเราจนถึงอายุ 18 ปี และหากยังเรียนหนังสืออยู่ เราให้อยู่ต่อจนเรียนจบปริญญาตรีหรืออายุถึง 25 ปี" นางอภิญญากล่าว
การที่ประเทศไทยจะเผชิญกับความท้าทายในอนาคต ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี การเตรียมความพร้อมให้เด็กและเยาวชนเป็นกำลังสำคัญของชาติจึงเป็นภารกิจที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน
"ขอให้ทุกคนตระหนักเสมอว่า เด็กคือคนของแผ่นดิน สภาพแวดล้อมที่เราสร้างวันนี้ จะกำหนดคุณภาพของคนที่จะเติบโตเป็นอนาคตของชาติ" นางอภิญญากล่าวทิ้งท้าย