จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อถึงหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งเข้ารับบริการจากร้านนวดเพื่อสุขภาพย่านบางกะปิแต่กลับถูกหมอนวดชายกระทำอนาจารนั้น
ล่าสุดทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กรม สบส. ได้มอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของกองกฎหมาย ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ สถานประกอบการเพื่อสุขภาพดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ในเขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า สถานประกอบการเพื่อสุขภาพดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้องกับ กรม สบส. พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงดำเนินการสอบถ้อยคำจากผู้เกี่ยวข้อง
ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการได้ให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ฯว่า ได้รับการติดต่อจากผู้รับบริการว่า ได้มีการแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าวซึ่งทางร้านก็ได้มีการเรียกตัวพนักงานชายรายดังกล่าวมาทำการสอบถามโดยเจ้าตัวได้ให้การปฏิเสธ
ทางร้านจึงได้นัดหมายพูดคุยกับผู้รับบริการที่สถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว โดยผู้รับบริการได้ถอนแจ้งความเนื่องจากผู้รับบริการได้พูดคุยเข้าใจกันแล้วและได้รับคำขอโทษจนเป็นที่พอใจ รวมถึงทางร้านให้ผู้ให้บริการรายดังกล่าวพ้นสภาพผู้ให้บริการขอทางร้านแล้ว ผู้รับบริการจึงไม่ติดใจเอาความแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กรม สบส.ขอกำชับให้ผู้ประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ทั้งร้านนวด และสปา ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้รับบริการเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งในด้านสถานที่ มาตรฐานการให้บริการ และการควบคุมกำกับผู้รับบริการให้ปฏิบัติตามมาตรฐาน ฯลฯ
ในกรณีที่กรม สบส. ตรวจพบว่า มีการปล่อยปละละเลย ให้เกิดการกระทำอนาจาร หรือล่วงละเมิดทางเพศในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพแล้ว ผู้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการฯ หรือเจ้าของร้านจะถือว่า มีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานประกอบเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 มาตรา 28 ฐานปล่อยให้มีการกระทำหรือบริการที่ขัดต่อกฎหมายความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีในสถานประกอบการฯ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และอาจได้รับโทษในการสั่งพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาต
ในส่วนของผู้ให้บริการที่กระทำความผิด จะถูกตัดชื่อออกจากทะเบียนผู้ให้บริการ โดยจะไม่มีสิทธิ์ขึ้นทะเบียนประกอบอาชีพนวดอีกต่อไปและต้องรับโทษตามกฎหมายอาญา