นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ดสปสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ถึงกรณีมีข้อเสนอให้โอนการรักษาพยาบาลผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมไปให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)หรือ บัตรทอง 30 บาทดูแลในวันนี้ (3 มี.ค.2568) ว่า
ในแง่กฎหมายให้พิจารณาให้ทำรวมกัน สปสช.ได้รับหนังสือจาก 2 กองทุนประกันสุขภาพรัฐคือประกันสังคมและสวัสดิการข้าราชการยังไม่พร้อม ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ซึ่งต้องสมัครใจด้วย รอจนกว่าแต่ละหน่วยงานพร้อมค่อยมาคุยกัน เมื่อมีหนังสือมาว่าไม่พร้อม ก็ได้แจ้งเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)รับทราบไปแล้ว ซึ่งเรื่องเข้าครม.ไปเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านแล้ว
เมื่อถามว่า ในฐานะผู้รับโอนกฎหมายเปิดช่องให้ทำได้ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องมาคุยกัน ยังตอบเลยไม่ได้แต่ถ้ามีเจตจำนงจะมารวมที่เดียวกันก็โอเค ลักษณะเหมือนพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จัดสรรเงินในส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้แก่หลักประกันสุขภาพนั้น เขาก็ประสงค์จะเข้ามาเอง
ด้านนพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวเสริมว่า กรณีรถไฟเขา เป็นรัฐวิสาหกิจจัดให้พนักงาน หากประสงค์จะเข้ามารวมกับ สปสช.ก็ต้องออกเป็นกฤษฎีกา
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ตามกฎหมายมาตรา 66 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ให้ สปสช. สอบถามไปยัง 2 กองทุนได้ปีละครั้ง ซึ่งมีการสอบถามตลอดทุกปีตั้งแต่มีพ.ร.บ.มาเป็นเวลา ราว 23 ปีแล้ว เมื่อเข้าสู่ปีงบประมาณใหม่ก็จะถามไปอีก ปีล่าสุดที่สอบถามไปได้รับคำตอบว่า 2 กองทุน ยังไม่มีความพร้อมที่จะรวมกองทุน หากเมื่อมีความพร้อมก็จะต้องหารือในรายละเอียดต่อไป
ส่วนกรณีตัวเลขค่ารักษาพยาบาลต่างด้าวที่เก็บไม่ได้ 9.2 หมื่นล้านบาทนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ระบุข้อมูลมาจากกองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ว่า โรงพยาบาลชายแดนมี 31 จังหวัด เงินค่ารักษาพยาบาลต่างด้าวประมาณ 2,056 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 66 ล้านบาท ต่อจังหวัด ที่ยังเก็บไม่ได้ ถ้าเขาถามกองเศรษฐกิจสุขภาพ ก็ต้องไปถามกองฯ มันไม่ได้เป็นอย่างที่ออกมา กลัวคนจะเข้าใจผิดกันทั้งบ้านทั้งเมือง เมื่อเป็นความผิดพลาดก็ไม่อยากจะพูด บ่อยๆ