กูรูชี้ Uptick Rule เฉพาะ SET100 กระทบหุ้นไซส์ใหญ่ ลดน้ำหนักต้องรอเวลา

จากประเด็นที่ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุงเกณฑ์ Uptick rule ครั้งนี้ โดยมีแนวทางกำหนดให้ Short Sale ได้เฉพาะหลักทรัพย์ที่อยู่ใน SET100 และมีราคาลดลงจากราคาปิดของวันก่อนหน้าถึงระดับที่กำหนด (เช่น x%) จะต้อง Short Sale ด้วยเกณฑ์ Uptick ในวันทำการถัดไป

ในขณะที่กรณีอื่นใช้เกณฑ์ Zero-plus Tick แทน หลักๆ เพื่อต้องการดึงความเชื่อมั่นกลับมา และสร้างเสถียรภาพ โดยมีความพยายามปรับแก้มุมมองแบบองค์รวม (Holistic View) โดยการนำมาตรการที่มีต่างๆ มาทบทวน และจะเริ่มบังคับใช้ในช่วงไตรมาส 2/2568 นี้

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวทางปรับปรุงมาตรการ Uptick rule ที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการพิจารณาทบทวนกำหนดให้ขายชอร์ตเฉพาะหุ้นที่อยู่ใน SET100 มีราคาลดลงจากราคาปิดของวันก่อนหน้าถึงระดับที่กำหนด

ส่วนตัวมองว่าถ้าหากว่าตลาดหุ้นไทยมีความเชื่อมั่นเราจะไม่จำเป็นต้องพึ่งมาตรการ Uptick rule นี้เลยตั้งแต่แรก และอันที่จริงแล้วแม้จะยดเลิกมาตรการ Uptick rule ไป ก็ไม่ได้มีผล เพราะหากมีคนมาขายชอร์ตแต่ด้วย fundamental ไม่ใช่ ราคาหุ้นนั้นก็จะกลับมาฟื้นตัวได้แรง และเข้าสู่สมดุล

"มองว่าท้ายที่สุดแล้วตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ต้องมีการถอดมาตรการ Uptick rule ออกอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็ว ตลาดหุ้นต้องพึ่งพาความเชื่อมั่นของตัวเอง มากกว่ามีคนมาคอยไกด์หรือกำหนดว่าตลาดหุ้นต้องเดินไปในทิศทางไหน ซึ่งเป็นกลไกปกติของตลาดทุน"

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) กล่าวว่า มองว่ามาตรการ Uptick rule เป็นลบต่อตลาดทุนมากกว่า เพราะเมื่อจำกัดหุ้นใน SET100 ก็มีความสุ่มเสี่ยงแล้ว ต้องรอดูเปอร์เซ็นวันก่อนหน้าว่าคริติคอลหรือไม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อหุ้นไซส์ใหญ่

"ส่วนตัวมองว่าควรถอดมาตรการ Uptick rule ออกในช่วงจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยดีกว่านี้ ท้ายที่สุดตลาดทุนไทยจะไม่สามารถพึ่งพา Uptick rule ไปได้ตลอดอย่างถาวรได้ เพียงแต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็อาจต้องรอดูจังหวะในช่วงที่จะต้องปรับลดเงื่อนไข หรือการถอดออกที่เหมาะสม"