นายศิวัตม์ วิลาสศักดานนท์ กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทยและฟิลิปปินส์ บริษัทเอนี่มายด์ กรุ๊ป จำกัด (AnyMind Group) เปิดเผยว่าจากรายงานของเอนี่มายด์ พบว่าตลาดดิจิทัลคอมเมิร์ซ หรือ อีคอมเมิร์ซ ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ เวียดนาม ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ข้อมูลระบุว่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า และยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อไป ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงนี้มาจาก การเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์ และ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่หันมาใช้ช่องทางดิจิทัลมากขึ้น
ในยุคที่ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็วและพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง เอนี่มายด์ (AnyMind) บริษัทเทคโนโลยีด้านดิจิทัลคอมเมิร์ซ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโซลูชันที่ช่วยให้แบรนด์และผู้ค้าปลีกสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการนำเทคโนโลยี AI Commerce มาปรับใช้ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจและสร้างโอกาสในการเติบโต
สำหรับ 3 เทรนด์อีคอมเมิร์ซที่กำลังมาแรงปีนี้ คือ 1. Shoppertainment โดยการผสมผสานความบันเทิงเข้ากับการช้อปปิ้ง เช่น ไลฟ์สดขายของ, วิดีโอสั้น, เกมสะสมแต้ม 2. Payment and Cashback Platform การชำระเงินแบบไร้รอยต่อ พร้อมโปรโมชั่น Cashback และ แจกเหรียญ หรือ คอยน์ และ KOLs and AI-Driven Features - การใช้ Influencers และ AI เพื่อเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งและกระตุ้นยอดขาย
“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Social Commerce และ Live Commerce กลายเป็นช่องทางสำคัญที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจซื้อสินค้า แพลตฟอร์มอย่าง TikTok, Facebook, YouTube และ Instagram ต่างพัฒนาโซลูชันที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้สะดวกยิ่งขึ้น”
โดย TikTok Shop กำลังเป็นผู้ท้าชิงรายใหม่ที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว และสามารถดึงดูดผู้ค้าจำนวนมากให้ย้ายจาก Shopee และ Lazada ไปยังแพลตฟอร์มของตน ปัจจุบันมีการประเมินว่า 10-20% ของผู้ค้าบน Shopee และ Lazada กำลังย้ายไปสู่ TikTok Shop เนื่องจากแพลตฟอร์มดังกล่าวมีระบบแนะนำสินค้าที่ตรงกับพฤติกรรมของผู้ใช้ และสามารถกระตุ้นยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ขณะเดียวกัน AI ยังเข้า มาใช้เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน AI ถูกนำมาใช้ในหลายด้าน ตั้งแต่ การวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าแบบเรียลไทม์ การปรับราคาสินค้าแบบไดนามิก ไปจนถึงการใช้ AI Chatbots เพื่อตอบคำถามลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง
การใช้ AI ยังช่วยให้แบรนด์สามารถวิเคราะห์แนวโน้มทางการตลาดและเสนอโปรโมชันที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่ม Customer Experience ได้อย่างมีประสิทธิภาพ AI Commerce จึงเป็นเทคโนโลยีที่กำลังพลิกโฉมวงการอีคอมเมิร์ซ และมีแนวโน้มจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอนาคต
นายศิวัตม์ กล่าวต่อไปว่า เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดอีคอมเมิร์ซ เอนี่มายด์ได้วางกลยุทธ์สำคัญในการขยายตลาด โดยเน้นไปที่ 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1.ขยายการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ โดยเอนี่มายด์พัฒนา AI Commerce Solutions ที่ช่วยให้แบรนด์สามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับการใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า และเพิ่มศักยภาพของ AI Chatbots
2.สร้างพันธมิตรกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลก โดยร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop และ Facebook เพื่อขยายช่องทางการขาย และพัฒนา Omnichannel Strategy ให้ธุรกิจสามารถใช้ช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ร่วมกันได้ และพัฒนา Live Commerce & Social Commerce โดยเอนี่มายด์มุ่งเน้นการให้บริการ Live Streaming และสนับสนุน Influencer Marketing เพื่อเพิ่มโอกาสให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
หนึ่งในเทคโนโลยีที่เอนี่มายด์ มุ่งการขยายตลาดอย่างจริงจังปีนี้ คือ AI Livestreaming ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถใช้ AI แทนมนุษย์ในการไลฟ์ขายของตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องใช้พนักงาน ตอบคำถามลูกค้าแบบเรียลไทม์ และเสนอโปรโมชันได้ทันทีวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อเสนอสินค้าที่เหมาะสม และรองรับหลายภาษา ทำให้สามารถขายสินค้าไปยังต่างประเทศได้ง่ายขึ้น
“AI Livestreaming จะเป็นเทคโนโลยีที่พลิกโฉมวงการอีคอมเมิร์ซ เพราะช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายตลาดได้แบบไร้ขีดจำกัด และลดต้นทุนแรงงานอย่างมหาศาล”