ยักษ์ค้าปลีก โกยรายได้-กำไรสนั่น อัดงบปี 68 สยายปีกสาขาใหม่ – เทคโนโลยีเพิ่ม

09 มี.ค. 2568 | 05:10 น.

บิ๊ก 4 ค้าปลีก “CPALL - CPAXT – CPN – CRC” ฟอร์มดีกวาดรายได้ กำไรสนั่น แย้มแผนลงทุนปี 68 เดินหน้าทุ่มงบขยายสาขาใหม่ ยกเครื่องสาขาเก่า ดึงเทคโนโลยีเสริมแกร่งธุรกิจ ชิงกำลังซื้อ

แม้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) จะคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้เพียง 2.8% จากปี 2567 โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ แต่ในภาคของเอกชน ปัจจัยสำคัญยังหนีไม่พ้นเรื่องของการลงทุนของภาคเอกชนและการขยายตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ดังนั้นผู้ประกอบการรายใหญ่โดยเฉพาะในกลุ่มค้าปลีกจึงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง สอดรับกับผลประกอบการในปี 2567 ที่โชว์ฟอร์มทำรายได้และกำไรเติบโตเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้

 เห็นได้จาก บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ที่พบว่า ปี 2567 มีรายได้รวม 9.87 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2% กำไรสุทธิ 25,346 ล้านบาท เติบโต 37.1% จากปี 2566 ขณะที่ในปี 2568 ซีพี ออลล์ ยังมีแผนใช้งบลงทุน 1.2 – 1.36 หมื่นล้านบาท โดยมุ่งเน้นการขยายธุรกิจในหลากหลายด้าน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและรองรับการเติบโตในอนาคต โดยจะใช้งบลงทุน 3,800 – 4,600 ล้านบาท ในการเปิดร้านสาขาใหม่ โดยตั้งเป้าหมายที่จะขยายสาขาใหม่เพิ่ม 700 สาขาในไทย และขยายธุรกิจเพิ่มทั้งในกัมพูชาและสปป. ลาว

นอกจากนี้ใช้งบลงทุน 2,900 – 3,500 ล้านบาทในการปรับปรุงร้านสาขาเดิม และงบลงทุน 4,000 – 4,100 ล้านบาทในโครงการใหม่, บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า (DC) และใช้งบลงทุนอีก 1,300 – 1,400 ล้านบาทสำหรับสินทรัพย์ถาวรและระบบสารสนเทศด้วย โดยทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ และขยายเครือข่ายร้านสาขาตามการขยายตัวของชุมชน แหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้ตอบรับกับความต้องการของลูกค้า

ยักษ์ค้าปลีก โกยรายได้-กำไรสนั่น อัดงบปี 68 สยายปีกสาขาใหม่ – เทคโนโลยีเพิ่ม

ขณะที่นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้เป็นผลมาจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นของทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าอาหารสด การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของช่องทาง Omni Channel ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ถึง 18% ของยอดขายรวม ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ได้เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์ม พร้อมนำ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีค้าปลีก (Retail Tech)

 ส่วนแผนธุรกิจในปี 2568 บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ การสร้างการเติบโตทุกช่องทางจำหน่าย การขยายสาขา การเพิ่มยอดขายสาขาเดิม (SSSG), และเพิ่มยอดขาย Omni Channel ขยายพื้นที่ให้บริการ โดยใช้จุดแข็งของเครือข่ายสาขา 2,600 แห่งทั่วประเทศ พร้อมต่อยอดอาหารพร้อมปรุง-พร้อมทาน (RTC-RTE) เพิ่มกำไรจากสินค้า Private label และกลุ่มสินค้าที่สร้างผลกำไรดี รวมถึงสินค้าสุขภาพและความงาม รวมถึงเพิ่มรายได้จากพื้นที่ศูนย์การค้า พัฒนามอลล์สู่ SMART Community Center

 ขณะที่ผลประกอบการปี 2567 ของกลุ่มเซ็นทรัล รีเทล สามารถสร้างนิวไฮ โดยมีรายได้รวม 2.62 แสนล้านบาท เติบโต 6% กำไรสุทธิ 8,870 ล้านบาท เติบโต 9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จภายใต้กลยุทธ์ CRC OMNI-Intelligence ที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น ทำให้สามารถรับมือกับ การเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจทั้งในไทย เวียดนาม และอิตาลี

 โดยนายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า ในปี 2568 เซ็นทรัล รีเทล พร้อมลุยเต็มพิกัด เพื่อสร้างศักยภาพทางธุรกิจที่เหนือกว่า ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านธุรกิจและการบริหาร ด้วยงบลงทุนกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ผ่านแนวคิดการ ขับเคลื่อนธุรกิจหลัก เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดและยั่งยืน โดยเน้นการขยายและรีโนเวทธุรกิจหลัก รวมทั้งการขยายธุรกิจใหม่ ให้ตอบสนองลูกค้ายุคใหม่ทุกกลุ่ม

 พร้อมทั้ง ต่อยอดความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของ GO Wholesale ที่สร้างปรากฏการณ์การขยายสาขาเร็วที่สุดในปีที่ผ่านมา โดยการขยายเพิ่มในปี 2568 อีก 4 สาขา ตั้งเป้าปิดปีที่ 14 สาขา และเร่งเครื่องการเติบโตและเพิ่มรายได้กลุ่มธุรกิจหลักในเวียดนาม ด้วยการขยายสาขา Mall & Food ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตอกย้ำเบอร์ 1 การเป็นผู้นำค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่สุดในเวียดนาม

 นอกจากนี้เซ็นทรัล รีเทล ได้เสริมแกร่งศักยภาพให้พนักงานบนกลยุทธ์ HAI (Human Intelligence + Artificial Intelligence) เพื่อยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและรวดเร็วยิ่งขึ้น และมุ่งพัฒนา Omnichannel Ecosystem ที่เชื่อมต่อการช้อปปิ้งทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ ทำให้เซ็นทรัล รีเทล ไม่เพียงเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก แต่ยังเป็นองค์กรดิจิทัลที่พร้อมขับเคลื่อนอนาคต และตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างเหนือชั้น

 ด้านนางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า จากผลประกอบการปี 2567 ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในทุกมิติ ทั้งรายได้ กำไรสุทธิ ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น จ่ายปันผล และนิวไฮในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท บ่งชี้ให้เห็นว่า Retail-Led Mixed-Use Development คือกลยุทธ์ที่ถูกต้องในการสร้างความยั่งยืน และความสำเร็จให้กับธุรกิจ Retail และ Non-retail เติบโตเคียงข้างกันอย่างแข็งแกร่ง

 โดยมีศูนย์การค้าเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงกับธุรกิจหลักอื่นๆ ได้แก่ ที่อยู่อาศัย, โรงแรม และอาคารสำนักงาน ทั้งหมดผนึกกำลังกันเป็น ‘The Ecosystem for All’ ระบบที่แข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างประโยชน์และความเติบโตให้กับทุกภาคส่วนทั้งลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน สังคมและชุมชนไปด้วยกันสำหรับผลประกอบการของเซ็นทรัลพัฒนา ในปี 2567 มีรายได้รวม 51,843 ล้านบาท กำไรสุทธิ 16,729 ล้านบาท เติบโต 11% จากปี 2566

 สำหรับปี 2568 บริษัทพร้อมเดินหน้าด้วยกลยุทธ์การบริหารและฐานะการเงินแข็งแกร่ง สร้างความเติบโต ลงทุนระยะยาวตามแผนสร้างการเติบโตในอนาคต โดยเตรียมเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสระดับโลก “Central Park” ทั้งในส่วนศูนย์การค้าและอาคารสำนักงาน และโครงการ “เซ็นทรัล กระบี่” เพื่อเป็นแลนด์มาร์คใหม่ที่ตอบโจทย์ครบทุกมิติ และยกระดับศักยภาพเมืองท่องเที่ยวระดับโลก โดยปัจจุบันเซ็นทรัลพัฒนา มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารงานทั้งหมด 42 โครงการ แบ่งเป็น ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 40 แห่ง (ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 16 แห่ง ต่างจังหวัด 23 แห่ง และในมาเลเซีย 1 แห่ง และ ศูนย์การค้าเอสพลานาด 1 แห่ง และศูนย์การค้าเมกาบางนา 1 แห่ง) คอมมูนิตี้ มอลล์ 15 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ ยังบริหารศูนย์อาหาร 37 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคารโรงแรม 10 แห่ง โครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงรวม 43 โครงการ

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,077 วันที่ 9 - 12 มีนาคม พ.ศ. 2568