จีนกำลังเผชิญกับจังหวะการเติบโตที่ช้าลงในอุตสาหกรรมรถยนต์ส่งออกในปี 2568 หลังจากที่เคยก้าวกระโดดอย่างร้อนแรงในปีก่อนๆ ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์จีน (CAAM) ระบุว่า ยอดส่งออกรถยนต์ในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 5.8% เป็น 6.2 ล้านคัน ซึ่งลดลงอย่างมากจากการเติบโตถึง 19.3% ในปี 2567
การชะลอตัวนี้สวนทางกับการคาดการณ์การเติบโตของยอดขายรถยนต์ภายในประเทศจีน ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 4.7% หรือราว 32.9 ล้านคันในปีนี้ โดยเป็นผลมาจากการขยายมาตรการส่งเสริมการซื้อรถยนต์จากรัฐบาล ที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ (NEVs) ที่รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EVs) และปลั๊กอินไฮบริด แม้จะยังมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตในตลาด แต่ CAAM คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของกลุ่มนี้จะลดลงจาก 35.5% ในปีที่ผ่านมา เหลือเพียง 24.4% ในปี 2568 ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในระยะยาว
ความผันผวนในตลาดส่งออกสะท้อนให้เห็นชัดจากข้อมูลที่ระบุว่า ยอดส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าของจีนลดลงถึง 10.4% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดกลับเติบโตถึง 190% ปัจจัยสำคัญคือการเก็บภาษีเพิ่มเติมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่นำเข้าไปยังสหภาพยุโรป ซึ่งเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ผู้ผลิตจีนต้องปรับกลยุทธ์ โดยมุ่งส่งออกรถยนต์ไฮบริดแทน
รัฐบาลจีนยังตอบโต้การเก็บภาษีดังกล่าวด้วยการแนะนำให้ผู้ผลิตรถยนต์จีนลดการลงทุนในประเทศยุโรปที่สนับสนุนมาตรการนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์จีนในระดับโลก
ในขณะเดียวกัน มาตรการภายในประเทศ เช่น การขยายเงินอุดหนุนสำหรับการซื้อรถยนต์พลังงานใหม่และรถยนต์สันดาปประหยัดพลังงานในปี 2568 ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ช่วยหนุนยอดขาย โดยในปีที่ผ่านมา รถยนต์กว่า 6.6 ล้านคันได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล สูงสุดถึง 2,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อคัน
อย่างไรก็ตาม ความต้องการในประเทศที่ยังคงอ่อนแรง การแข่งขันในตลาดที่ดุเดือด และแรงกดดันจากภายนอกยังคงเป็นความท้าทายสำคัญที่ผู้ผลิตรถยนต์จีนต้องเผชิญในปีนี้และปีต่อๆ ไป
นอกจากความกังวลด้านการส่งออกแล้ว ความคืบหน้าของการพัฒนารถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศก็เริ่มชะลอตัวจากความอิ่มตัวของตลาดและการเติบโตที่เคยสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์จีนชี้ให้เห็นถึงทิศทางที่รัฐบาลและผู้ผลิตต้องเตรียมรับมือในอนาคต ทั้งในด้านนวัตกรรมและการสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อครั้งสำคัญ โดยทั้งโอกาสและความท้าทายจะเป็นตัวกำหนดทิศทางในอนาคต ว่าจีนจะสามารถรักษาบทบาทผู้นำในตลาดโลกได้หรือไม่ ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
อ้างอิง: Reuters