รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยรายละเอียดร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ที่กำหนดกรอบการจัดตั้ง "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" (Entertainment Complex) ซึ่งกำหนดให้เป็นสถานที่รวมสถานบันเทิงหลายประเภทในพื้นที่เดียวกัน เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สนามกีฬา สวนสนุก ร้านอาหาร ไนต์คลับ พื้นที่ส่งเสริมสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เป็นต้น
โดยต้องมีอย่างน้อย 4 ประเภทและอาจมีกิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนด ร่วมกับกาสิโน
ร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... กำหนดให้มีการกำกับดูแล 3 ระดับ ประกอบด้วย
1. คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร
มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พร้อมกรรมการโดยตำแหน่ง 9 คน ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
2. คณะกรรมการบริหาร
มีผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นประธาน พร้อมกรรมการโดยตำแหน่ง 11 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงแรงงาน
ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 3 คนจากด้านเศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจ กฎหมายหรือสังคม
3. สำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร
เป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นนิติบุคคล และไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ โดยคณะกรรมการนโยบายแต่งตั้งผู้อำนวยการ โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ทั้งนี้ สำนักงานฯ ต้องทำหน้าที่ป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบด้วย
ตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติ กำหนดประเภทธุรกิจสถานบันเทิง 10 ประเภท ได้แก่
ทั้งนี้สำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจรมีรายได้จากเงินอุดหนุน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และค่าเข้าของคนไทย โดยเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วให้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สังคมมักเข้าใจผิดว่าโครงการนี้เน้นเรื่องกาสิโนเป็นหลัก แต่ความจริงแล้ว กาสิโนจะมีสัดส่วนเพียง 5% ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น เราต้องการสร้างแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรที่เหมาะสำหรับครอบครัว ประกอบด้วยโรงแรม ศูนย์ประชุม สถานบันเทิง และพื้นที่จัดกิจกรรม โดยมีคาสิโนเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ ไม่เกิน 5% ของพื้นที่ทั้งหมด เช่นเดียวกับโมเดลที่ประสบความสำเร็จในสิงคโปร์ มาเก๊า และลาสเวกัส
รัฐบาลประเมินว่าโครงการนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 20,000 ตำแหน่งในช่วงก่อสร้าง พร้อมทั้งมีการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรไทย นอกจากนี้ยังกำหนดเงื่อนไขด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ให้ผู้ประกอบการต้องมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนโดยรอบ
“ไทยต้องเร่งดำเนินการเพราะต้องแข่งขันกับโอซาก้าของญี่ปุ่นที่กำลังจะเปิด ผู้ประกอบการหลายรายมองว่าไทยมีศักยภาพสูงมาก เพราะมีความพร้อมด้านการท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐาน บางรายถึงกับบอกว่าไทยอาจสร้างอารีน่าขนาด 16,000 ที่นั่งได้ ซึ่งใหญ่กว่าที่อื่นที่ทำได้แค่ 12,000 ที่นั่ง” นพ.พรหมินทร์กล่าว
พร้อมกับระบุถึงกรณีที่มีข่าวว่าสิงคโปร์ล็อบบี้ไม่ให้กลุ่ม Las Vegas Sands เข้ามาลงทุนในไทยว่า หากกลุ่ม Las Vegas Sands ไม่มาลงทุนก็ยังมีนักลงทุนรายอื่นที่สนใจลงทุนอีก 5 ราย เราก็เลือกรายอื่น
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะต้องเป็นการลงทุนใหม่ทั้งหมด ไม่สามารถต่อยอดจากโครงการเดิมได้ เพื่อให้เกิดการลงทุนที่แท้จริง โดยจะเน้นการพัฒนาบนที่ดินของรัฐ และต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม รวมถึงอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน