นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB ผู้ประกอบธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ ที่ใช้หลักสูตรการศึกษาของประเทศสิงคโปร์เป็นหลักสูตรพื้นฐาน เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมการศึกษาในประเทศไทยปี 2568 และต่อเนื่องไปอีก 5-10 ปี ยังมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นแบบตัวเลข 2 หลักต่อปี อย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของผลการดำเนินงานเอาไว้ไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน และวางเป้าหมายจะมีจำนวนนักเรียนทั้งคนไทยและต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 5,000 คน จากสิ้นปี 2567 ที่มีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้นกว่า 4,600 คนตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ สัดส่วนนักเรียนต่างชาติคิดเป็นประมาณ 23% ของจำนวนนักเรียนที่มีในปัจจุบัน 4,600 คน และกว่า 20% เป็นนักเรียนสัญชาติจีน โดยนักเรียนจีนยังคงเป็นสัดส่วนใหญ่ของนักเรียนต่างชาติ และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้อีกด้วย อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าสัดส่วนนักเรียนจีนในปีนี้จะอยู่ที่ราว 23-25% จากจำนวนนักเรียนทั้งหมด 5,000 คนตามเป้าหมาย
มองว่าด้วยนโยบายของประเทศจีนที่ลดความสำคัญของภาษาอังกฤษ ประกอบกับค่าใช้จ่ายการศึกษาที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ปกครองมีแนวโน้มย้ายบุตรหลานไปศึกษาในประเทศอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
จากการเห็นถึงโอกาสดังกล่าวทำให้ที่ผ่านมา SISB ได้มีการขยายตลาดประเทศจีนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ในปัจจุบันบริษัทมีพันธมิตรเอเจนซี่ (Agency) ท้องถิ่นชาวจีนกระจายอยู่ในหลายมณฑลทั่วประเทศจีนแล้วกว่า 20 ราย และยังคงมีอีกหลายรายที่ติดต่อมาขอร่วมมือเป็นพันธมิตรใหม่เพิ่มเติม
ในปัจจุบัน SISB มีโรงเรียนในเครือทั้งสิ้น 6 แห่ง ยังมั่นใจว่าเพียงพอรองรับความต้องการศึกษาของทั้งนักเรียนชาวไทยและต่างชาติที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี โดยในช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มศักยภาพอีกกว่า 600 ที่นั่ง ในโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ ประชาอุทิศ เฟส 3 จำนวน 600 ที่นั่ง และเปิดใช้บริการโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ ธนบุรี เฟส 3.2
"แม้ว่าในตอนนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) อัตราการเกิดของประชากรใหม่น้อยลง แต่ส่วนตัวมองว่าในระยะ 5-10 ปีข้างหน้านี้จะไม่มีผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากสถิติการเติบโตของนักเรียนในประเทศไทยในช่วงปี 66-68 เฉลี่ยอยู่ที่กว่า 10% ต่อปี ทำให้คาดว่าในช่วง 5-10 ปีต่อจากนี้จะรักษาอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับอดีตได้ต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนในระบบรวมกว่า 77,000 คน"
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินขนาดพื้นที่ 20-0-2.9ไร่ บนถนนเลียบคลองรังสิต จังหวัดปทุมธานี เพื่อเตรียมรองรับการดำเนินกิจการโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ ลำดับที่ 7 โดยที่ดินดังกล่าวอยู่ใกล้โครงการ ศุภาลัย พรีม่า วิลล่า รังสิต-คลอง 3 ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง
มองว่าจะช่วยให้กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์อย่างสะดวกยิ่งขึ้น และเป็นการตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้ปกครองและนักเรียนในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ เบื้องต้นคาดกลางปี 68 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง และแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2569 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ จากการขยายโรงเรียนแห่งที่ 7 เพิ่มเติม ส่งผลให้บริษัทอาจจำเป็นต้องมีการปรับเป้าหมายแผนระยะ 5 ปีใหม่เพิ่มเติม เบื้องต้นคาดว่าจะนำเรื่องเข้าเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นี้ และได้ข้อสรุปไม่เกิดต้นเดือนมีนาคม เป็นต้นไป
สำหรับการปรับค่าเทอมประจำปี 2568 นั้น เบื้องต้นอยู่ระหว่างการทบทวนและพิจารณา หากว่าไม่มีปัจจัยกระทบต่อธุรกิจก็คาดว่าอาจมีการปรับค่าเทอมใหม่เพิ่มขึ้นราว 3-5% ซึ่งมองว่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจและมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ในพื้นที่ศักยภาพอื่นๆ ในประเทศไทยเพิ่มเติม ปัจจุบันมีที่อยู่ระหว่างการศึกษาอยู่ในมือบ้างแล้ว เพียงแต่การลงทุนต้องมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนจึงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะได้ข้อสรุป