นาย ยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เปิดเผยว่า มองทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 67 ยังคงมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทยังคงได้รับความสนใจจากทั้งนักเรียนไทยและต่างชาติในการเข้ามาเรียนที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังมองการขยายเอเจนซี่ต่างประเทศโดยเฉพาะในมณฑลอื่นๆ ของจีนเพิ่มเติมอีกด้วย
ทั้งนี้ ในปี 67 บริษัทวางเป้าหมายจะมีจำนวนนักเรียนเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 4,600 คน ซึ่งในปัจจุบันบริษัทมีจำนวนนักเรียนรวมอยู่ที่กว่า 4,357 คนแล้ว นอกจากนี้ บริษัทวางตั้งเป้าหมายภายใน 2 ปีต่อจากนี้ (68-69) จะมีจำนวนนักเรียนรวมเพิ่มเป็นมากกว่า 5,000 คน และ 5,400 คน ตามลำดับ
ส่วนแผนการลงทุนเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับนักเรียนใหม่นั้น ประกอบด้วย โครงการย่านประชาอุทิศ (Singapore International Bangkok) ที่อยู่ระหว่างการขยายพื้นที่ใหม่เพิ่มเติม จำนวน 600 ที่นั่ง ในเงินลงทุนราว 200 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 1/69 ซึ่งจะขยายไปที่มัธยมปลาย หรือ เกรด 9-12
ขณะที่โครงการย่านธนบุรี (Singapore International School Thonburi) บริษัทวางแผนจะขยายพื้นที่อีกกว่า 900 ที่นั่ง โดยแบ่งออกเป็น 2 เฟส ซึ่งในเฟสแรก จะขยายพื้นที่ราว 300 ที่นั่ง ใช้เงินลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท และเฟสที่ 2 ขยายพื้นที่อีก 600 ที่นั่ง ในเงินลงทุนราว 200 ล้านบาท เป็นต้น
ด้านโครงการที่ระยองนั้น มองว่ายังคงต้องใช้ระยะเวลาในการขยายจำนวนนักเรียนใหม่เพิ่มเติม โดยในปีการศึกษาล่าสุด มีนักเรียนเข้ามาเพิ่มเติมเป็น 156 คน อย่างไรก็ดี จำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะมาจาก สาขานนทบุรี มาเป็นอันดับ 1 เพิ่มขึ้น 52% และ ที่เชียงใหม่ 18% ขณะที่ระยองเพิ่มขึ้น 13% ทั้งนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานของสาขาระยองจะมีทิศทางที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 67 บริษัทยังคงมีความมั่นใจว่าการเติบโตของรายได้รวมจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 1,940.19 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งแรกปีนี้มีรายได้รวมแล้ว 1,150.05 ล้านบาท สำหรับอัตราค่าเทอมในปีนี้บริษัทได้มีการปรับขึ้นประมาณ 5% โดยเป็นไปตามอัตราเงินเฟ้อ เพราะโรงเรียนมีค่าพนักงงาน และส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงค่าครองชีพของบุคลากรด้วย
ปัจจุบันบริษัทมีโรงเรียนรวมทั้งสิ้น 6 แห่ง ประกอบด้วย
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ SISB ว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/67 เติบโตต่อเนื่อง และทางฝ่ายคาดจะสูงสุดในไตรมาส 4/67 จากจำนวนนักเรียนที่ในปัจจุบันใกล้เคียงกับเป้าหมายของบริษัทปี 67 นี้ ที่ 4,600 คนแล้ว เพิ่มขึ้นจากต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ถึง 382 คน
แบ่งเป็นสัดส่วนสาขานนทบุรีเพิ่มขึ้น 52%, เชียงใหม่ 18% ตามด้วยระยอง 13% โดยเทอมการศึกษาใหม่เปิดเดือน ส.ค. SISB มีการปรับค่าเทอมเพิ่มขึ้น 5% (ค่าเทอมการปรับระดับชั้นเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 7-8%) สำหรับสาขาใหม่ที่เปิดปีที่ผ่านมา คือ นนทบุรี ปัจจุบันมีจำนวนนักเรียน 480 คน และเริ่มทำกำไรตั้งแต่ไตรมาส 4/66 ที่ผ่านมา
และสาขาระยองมีจำนวนนักเรียน 156 คน บริษัทคาดว่าจุดคุ้มประมาณ 1-2 ปี หรือนักเรียนประมาณ 250 คน พร้อมกันนี้ SISB ยังได้มีการติดต่อเอเจนซี่เพื่อนำเสนอการศึกษาสำหรับสาขาระยองให้กับเด็กจีน จากที่ในปัจจุบันที่มีเด็กจีนจำนวนมากที่สาขาประชาอุทิศและเชียงใหม่
ขณะที่ดีลควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) ศูนย์สอนภาษาอังกฤษหยุดไปจากมูลค่าที่สูงเกินไป แต่บริษัทหันมาทำโครงการร่วมกับพาร์ทเนอร์เอง เนื่องจากโรงเรียนเองมีวิชาหลักที่ต้องสอนและเต็มจำนวนคาบเรียน ทำให้บริษัทได้ซื้อระบบการสอนภาษากับทางพาร์ทเนอร์ที่มาเลเซีย ซึ่งมีศูนย์สอนภาษาอังกฤษหลักสูตร UK
อีกทั้งพาร์ทเนอร์รายนี้ยังมีความเชี่ยวชาญเฉพาะและสามารถวัดผลชัดเจนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด (tracking system) คาดเริ่ม ต.ค.-พ.ย. นี้ โดยทางโรงเรียนได้มีการติดต่อเด็กที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานภาษาอังกฤษให้กลับมาเรียนปรับพื้นฐานเพื่อทดสอบอีกครั้ง (จำนวนนักเรียนที่โรงเรียนปฏิเสธเป็นระดับปฐมและมัธยมประมาณ 80-100 คน)
ในส่วนอัตราการลาออกของเด็กปีการศึกษา 66/67 มี 11.7% (ปี 64/65 อยู่ที่ 11.1%, ปี 65/66 9.1%) บริษัทไม่ได้กังวลมองเป็นระดับปกติในธุรกิจนี้ ซึ่งสาเหตุการลาออกมาจากการย้ายที่พัก การเดินทาง หรือเรื่องปัญหาการเรียนที่อ่อน (สัดส่วนไทย 57% : ต่างชาติ 47% ของนักเรียนลาออก) โดยผู้บริหารวางเป้าหมายลดจำนวนนักเรียนลาออกจากการแก้ปัญหาการเรียนที่อ่อน
ด้านความคืบหน้าในการขยายสาขาเดิม 1,800 ที่นั่ง สำหรับปี 67/68 ประกอบด้วย
ปัจจุบัน 4 สาขาเดิมของบริษัทมีอัตราจำนวนนักเรียน 80-90% ขณะที่สาขาใหม่นนทบุรีอยู่ที่ 78% และระยอง 48% (นนทบุรีมีกำไรในไตรมาส 4/66, ระยองยังขาดทุน และคาดปีหน้าจะเริ่มจุดคุ้มทุน
ส่วนนโยบาย ESG นั้น แบ่งเป็น 3 โครงการ ได้แก่
ทางฝ่ายคาดแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 3/67 จะเพิ่มขึ้นจากฐานนักเรียนใหม่ การเปิดเทอมใหม่ และยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 67-68 เพิ่มขึ้น +39% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และ +25% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ตามลำดับ คาดค่าเทอมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 7% จากการปรับค่าเทอมและโครงสร้างนักเรียนในระดับปฐมและมัธยมที่เพิ่มขึ้นที่มีค่าเทอมสูงกว่าจากการขึ้นระดับชั้นทุก 2 ปี รวมถึงคาดจำนวนนักเรียนปี 67-68 เพิ่มขึ้น 405 คน และ 410 คน ตามลำดับ ในขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่จากบุคลากรครูเป็นหลัก
จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลให้ทางฝ่ายแนะนำซื้อ จากคาดผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง จากการเติบโตของโรงเรียนทุกสาขาที่มีทำเลดี และค่าเทอมอยู่ระดับกลางในกลุ่มโรงเรียน Inter Premium รวมถึงมีหลักสูตรสิงคโปร์ 3 ภาษา ที่มีภาษาจีนเพิ่มขึ้นตอบโจทย์ผู้ปกครอง
และบริษัทมีแผนทำโครงการ “Halving Project” เป็นโรงเรียนอินเตอร์ที่มีระดับค่าเทอมที่รองลงมาดึงส่วนแบ่งการตลาดจากนักเรียน 2 ภาษา ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 50 บาท อ้างอิงวิธี DCF (WACC 8%, T-growth 1.5%) ราคาเป้าหมายเทียบเท่า PEG24F 1.3X, บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็นเงินสดสุทธิ (net cash) ความเสี่ยง : 1) การแข่งขันของโรงเรียนนานาชาติ 2) การขาดแคลนบุคลากร เป็นต้น