เมื่อพูดถึง "กาสิโน" และความบันเทิงในรูปแบบครบวงจร หลายประเทศเลือกใช้โมเดลนี้เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในขณะที่บางประเทศประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ประเทศอื่นๆ กลับต้องเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงศึกษาความเป็นไปได้ของการสร้าง "Entertainment Complex" หรือ สถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งมีกาสิโนถูกกฎหมาย
มาเก๊า เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดของความสำเร็จในการใช้กาสิโนเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจ ด้วยการเป็นแหล่งรวมกาสิโนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มาเก๊าสามารถสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมการพนันสูงถึงกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีล่าสุด ขณะเดียวกันยังดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกกว่า 39 ล้านคนต่อปี แต่ความสำเร็จนี้ต้องแลกกับความท้าทายเรื่องการฟอกเงิน การพึ่งพารายได้จากการพนัน และผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่ ซึ่งทำให้รัฐบาลมาเก๊าต้องออกกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
สิงคโปร์ ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ด้วยโครงการมาริน่าเบย์แซนด์ (Marina Bay Sands) ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงกาสิโน แต่เป็นศูนย์กลางความบันเทิงระดับโลกที่รวมโรงแรมหรู ศูนย์การประชุม พิพิธภัณฑ์ และแหล่งช้อปปิ้งไว้ในที่เดียว สิงคโปร์สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 20 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมหาศาล โดยสามารถสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นกว่า 18% หลังเปิดตัว และช่วยสร้างงานในอุตสาหกรรมการบริการมากกว่า 45,000 ตำแหน่ง
การผสมผสานระหว่างความบันเทิงที่หลากหลายกับความเป็นมืออาชีพด้านการจัดการ ทำให้กาสิโนในสิงคโปร์ไม่ถูกมองว่าเป็นเพียงแหล่งพนัน แต่เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ
ในอเมริกา ลาสเวกัส คืออีกหนึ่งกรณีศึกษาที่สำคัญ เมืองนี้ไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางของนักพนัน แต่ยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยการแสดงระดับโลก งานประชุม และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยรายได้จากการพนันและการท่องเที่ยวที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐเนวาดา
ลาสเวกัสกลายเป็นต้นแบบของเมืองที่สามารถดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แต่ความสำเร็จของลาสเวกัสยังมาพร้อมกับปัญหา เช่น การบริโภคน้ำจำนวนมากในพื้นที่ทะเลทราย และการพึ่งพาการท่องเที่ยวที่ทำให้เมืองมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
ในอีกมุมหนึ่ง ออสเตรเลีย กลับต้องเผชิญกับปัญหาหลายด้าน แม้ว่ากาสิโนในซิดนีย์จะเป็นสถานที่ยอดนิยมและสร้างรายได้จำนวนมาก แต่การบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใสส่งผลให้เกิดกรณีการฟอกเงินและอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลออสเตรเลียต้องแทรกแซงด้วยการกำหนดค่าปรับสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย พร้อมกับออกมาตรการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าการขาดกฎระเบียบที่เหมาะสมอาจทำลายชื่อเสียงและผลประโยชน์ที่คาดหวังจากโครงการลักษณะนี้
นอกจากนี้ บราซิล ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ การพนันออนไลน์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในรูปแบบของการเดิมพันกีฬา แม้ว่าสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มรายได้ของรัฐ แต่ก็มีข้อวิจารณ์ว่าการใช้จ่ายในการพนันกำลังทำให้เศรษฐกิจส่วนอื่นๆ ชะลอตัว โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่มีรายได้ต่ำ ปัญหาดังกล่าวเป็นเครื่องเตือนใจถึงผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นจากการพึ่งพารายได้จากการพนัน
เมื่อกลับมามองที่ ประเทศไทย การอภิปรายเรื่องการสร้าง "กาสิโนถูกกฎหมาย" ภายใน "Entertainment Complex" ยังคงเป็นประเด็นที่มีความเห็นแตกต่าง ผู้สนับสนุนมองว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย การศึกษาแสดงให้เห็นว่า หากไทยดำเนินโครงการดังกล่าว รายได้จากการท่องเที่ยวอาจเพิ่มขึ้นถึง 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่อคนอาจสูงขึ้นถึง 52%
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมยังคงมีอยู่ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการเพิ่มขึ้นของกาสิโนอาจนำไปสู่ปัญหาการติดการพนันที่แพร่หลายมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมและการฟอกเงิน นอกจากนี้ยังมีคำถามว่าใครจะได้ประโยชน์จากรายได้มหาศาลนี้ หากโครงการดังกล่าวกระจุกตัวในกลุ่มนักธุรกิจขนาดใหญ่
การสร้างโครงการที่สมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับการจัดการผลกระทบทางสังคม การออกแบบ Entertainment Complex ที่มีกาสิโนเพียงส่วนหนึ่งของระบบนิเวศความบันเทิงทั้งหมดจะช่วยลดการพึ่งพาการพนัน ขณะเดียวกัน กฎระเบียบที่เข้มงวดและระบบตรวจสอบที่โปร่งใสเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนและความโปร่งใสในกระบวนการตัดสินใจก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ การให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครอบคลุมจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในสังคม และช่วยให้โครงการดำเนินไปได้โดยไม่มีความขัดแย้งมากเกินไป
ท้ายที่สุดแล้ว การตัดสินใจเกี่ยวกับการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายในไทยจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจและสังคม คำถามที่สำคัญคือ ไทยพร้อมที่จะรับมือกับทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่มาพร้อมกับโครงการนี้หรือไม่?
อ้างอิง: