ทรัมป์เดินหน้าขึ้นภาษีการค้าโลก เสี่ยงเงินเฟ้อพุ่ง นักลงทุนผวา

02 เม.ย. 2568 | 12:30 น.

ทำเนียบขาวยืนยัน ทรัมป์เดินหน้าขึ้นภาษีตอบโต้ 2 เม.ย. นี้ กระทบเศรษฐกิจโลก โรงงานชะลอตัว นักลงทุนเทขายหุ้น ดันเงินเฟ้อพุ่ง

ทำเนียบขาวยืนยันว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินหน้ากำหนดภาษีศุลกากรใหม่ในวันพุธนี้ (2 เม.ย.นี้) แม้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว ทำให้ภาคธุรกิจ นักลงทุน และผู้บริโภคทั่วโลกต่างวิตกกังวลต่อการทวีความรุนแรงของสงครามการค้า

ทรัมป์เคยกล่าวมาหลายสัปดาห์แล้วว่าวันที่ 2 เมษายนจะเป็น "วันแห่งการปลดปล่อย" ที่จะมีการบังคับใช้มาตรการภาษีที่อาจเปลี่ยนโฉมระบบการค้าโลก โดยกำหนดการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวถูกกำหนดไว้ที่เวลา 16.00 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ (03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย)

แครอลไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า ภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) สำหรับประเทศที่เก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ทันทีหลังการประกาศของทรัมป์ ขณะที่ภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนนี้

สงครามภาษีจุดชนวนความกังวลเศรษฐกิจโลก

มาตรการภาษีดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับนักเศรษฐศาสตร์ โดยมีรายงานว่าความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภค ซึ่งอาจนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจและการปรับขึ้นของราคาสินค้า

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สาขาแอตแลนตาเปิดเผยผลสำรวจล่าสุดว่า ผู้บริหารการเงินของบริษัทต่างๆ คาดว่าภาษีจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่ข้อมูลจากสำนักข่าววอชิงตันโพสต์ระบุว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้นราว 20% และอาจสร้างรายได้ให้รัฐบาลกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอาจถูกนำมาใช้เป็นเงินคืนให้กับชาวอเมริกัน

 

แรงกดดันจากนานาชาติและผลกระทบที่อาจตามมา

นานาประเทศเริ่มส่งสัญญาณตอบโต้มาตรการของสหรัฐฯ โดยแคนาดาประกาศว่าจะใช้มาตรการภาษีตอบโต้เช่นกัน นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ ของแคนาดายืนยันว่า "เราจะไม่ปล่อยให้ผู้ผลิตและแรงงานชาวแคนาดาต้องเสียเปรียบต่อแรงงานชาวอเมริกัน" นอกจากนี้ คาร์นีย์ยังได้หารือกับประธานาธิบดีเม็กซิโก เคลาดิอา เชนบอม เพื่อวางแผนปกป้องขีดความสามารถในการแข่งขันของทวีปอเมริกาเหนือ

ประเทศอื่นๆ ก็เริ่มขยับตัวเพื่อปกป้องเศรษฐกิจของตนเอง ขณะที่บางประเทศยังคงพยายามเจรจากับทำเนียบขาวเพื่อยับยั้งมาตรการภาษีนี้ แม้จะไม่มีความแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ทรัมป์เปลี่ยนใจหรือไม่

เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว

นักวิเคราะห์เตือนว่าภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยข้อมูลจากมหาวิทยาลัยเยลคาดการณ์ว่าภาษี 20% ที่กำลังจะถูกบังคับใช้อาจทำให้ครัวเรือนชาวอเมริกันต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเฉลี่ย 3,400 ดอลลาร์ต่อปี ขณะที่ความผันผวนของตลาดการเงินก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุน

ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สูญเสียมูลค่าไปแล้วเกือบ 5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยนักลงทุนกำลังรอคอยรายละเอียดเพิ่มเติมจากทรัมป์ในวันพุธนี้ ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลก

ภาคการผลิตทั่วโลกเริ่มได้รับผลกระทบแล้ว โดยข้อมูลล่าสุดพบว่ากิจกรรมโรงงานในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ชะลอตัวลงในเดือนมีนาคม เนื่องจากบริษัทต่างๆ รีบเร่งส่งออกสินค้าให้ทันก่อนที่มาตรการภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้ ขณะที่สถาบันการจัดการอุปทานแห่งสหรัฐฯ (ISM) รายงานว่าภาคการผลิตของประเทศหดตัว หลังจากที่เติบโตต่อเนื่องมาสองเดือน และต้นทุนวัตถุดิบพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบสามปี

 

เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเสี่ยง เงินเฟ้อพุ่ง ธุรกิจซบเซา

เจฟฟรีย์ โรช หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก LPL Financial เตือนว่า "ราคาที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ภาคธุรกิจชะลอตัว อาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจชะงักงันที่มาพร้อมกับเงินเฟ้อ (Stagflation) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก"

ด้วยแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ การประกาศมาตรการภาษีของทรัมป์ในวันพุธนี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสงครามการค้า และอาจส่งผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลกในระยะยาว ทั่วโลกกำลังจับตาดูว่าผลลัพธ์ของมาตรการดังกล่าวจะเป็นอย่างไร และจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของระบบการค้าระหว่างประเทศหรือไม่