RML ลุย "ลักชัวรี่มิกซ์ยูส" ภูเก็ต Q2 หลังยอดขายหุ้นกู้เกินเป้า

14 มี.ค. 2568 | 10:56 น.
อัปเดตล่าสุด :14 มี.ค. 2568 | 14:22 น.

ไรมอนแลนด์ RML "กรณ์ ณรงค์เดช" ปลื้มยอดขายหุ้นกู้เกินเป้า พร้อมลุยเปิดลักชัวรี่มิกซ์ยูส จ.ภูเก็ต Q2 ปี68 ตั้งเป้ายอดขายปีนี้พุ่งทะยานแตะ 7,500 ล้านบาท โต 80% จากปีก่อน

 

ประสบความสำเร็จ อย่างสูงสำหรับบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน)  RML  ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งใหม่ล่าสุด ที่มีนักลงทุนสนใจล้นหลาม สะท้อนจากยอดจองทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 300 ล้านบาท ตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุน พร้อม ปักหมุดลุยโครงการลักชัวรี่มิกซ์ยูสต่อเนื่อง

กรณ์ ณรงค์เดช

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานคณะกรรมการบริหาร ของ RML หรือ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้แบ่งออกเป็น 4 ชุด คือ หุ้นกู้ชุดที่ 1, 2, 3 และ 4 ครั้งที่ 2/2568 โดยมีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 7.3% เป็นหุ้นกู้ประเภทระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ และมีหลักประกัน

โดยเปิดให้จองระหว่างวันที่ 5-6 และ 11-13 มีนาคม 2568 ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากนักลงทุน ส่งผลให้ยอดจองทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 300 ล้านบาท โดยความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ RML และแนวทางการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งของอย่างต่อเนื่อง

"เรามุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ พร้อมเดินหน้าสร้างสรรค์โครงการที่สามารถเพิ่มมูลค่าและสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับนักลงทุน รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนในระยะยาว"

 

ทั้งนี้ RML มีแผนเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสระดับลักชัวรี่แห่งใหม่ในจังหวัดภูเก็ต ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โครงการดังกล่าวเป็น Branded Residence ที่ประกอบด้วยวิลล่าอัลตร้าลักชัวรี่และโรงแรม มูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท

โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง (HNWI) ทั้งในและต่างประเทศที่มองหาที่พักอาศัยบนทำเลศักยภาพ โดยเฉพาะลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่กำลังมองหาบ้านหลังที่สอง บ้านหลังเกษียณ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ต้องการที่พักที่ให้ประสบการณ์เหนือระดับในทำเลที่ดีที่สุดของจังหวัดภูเก็ต

นายกรณ์ กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับปี 2568 เราตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 7,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 80% จากปีก่อนหน้า โดยเรายังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างรอบคอบ ผ่านการปรับเปลี่ยนแนวทางดำเนินงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งภายในองค์กร เราได้ปรับโครงสร้างเพื่อเสริมศักยภาพและเพิ่มความคล่องตัว รองรับการเติบโตในระยะยาว

ขณะที่ภายนอกองค์กร เราเตรียมเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นพัฒนาไปยังโครงการที่สามารถสร้างรายได้ประจำ ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งรักษาสภาพคล่องทางการเงิน และเสริมสร้างโครงสร้างทางการเงินให้แข็งแกร่ง เพื่อรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน