รู้จัก“จิ่งเต๋อเจิ้น” เมืองหลวงแห่งเซรามิก (จบ)

15 มี.ค. 2568 | 08:09 น.

รู้จัก“จิ่งเต๋อเจิ้น” เมืองหลวงแห่งเซรามิก (จบ) : คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย...ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4079

ไปแลกเปลี่ยนแง่มุมการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของจิ่งเต๋อเจิ้นด้านอื่นๆ กันต่อครับ ... 

ด้านเศรษฐกิจ บ่อยครั้งที่เราพบว่า การท่องเที่ยวอาจเป็น “เหรียญสองด้าน” ที่มีทั้งประโยชน์และผลเสียต่อชุมชนท้องถิ่น กล่าวคือ กระแสความนิยมด้านการท่องเที่ยว จะช่วยอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นในด้านหนึ่ง แต่การท่องเที่ยวที่ปราศจากการกำกับควบคุมอย่างเหมาะสม ก็อาจนำไปสู่การขยายตัวของค่าใช้จ่ายในอีกด้านหนึ่ง อาทิ อาหารและที่พัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว 

อัตราเงินเฟ้อดังกล่าว อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อมาตรฐานการครองชีพและคุณภาพชีวิต ของผู้อยู่อาศัยท้องถิ่น ค่าเช่าที่พักและพื้นที่ค้าปลีกที่สูงขึ้น อาจทำให้ศิลปินและนักออกแบบที่เข้ามาฝังตัวเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ ไม่สามารถแบกรับได้ และสูญเสียพลังแห่งความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในระยะยาว

รวมทั้งยังอาจลดความน่าสนใจของนักท่องเที่ยว ซึ่งอาจเป็นภัยคุกคามต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน

เพื่อลดภาระค่าเช่าและค่าครองชีพ รวมทั้งเสริมสร้างบรรยากาศทางศิลปะดังกล่าว รัฐบาลอาจสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับคนที่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะในอัตราค่าเช่าที่ต่ำ แก่นักออกแบบและผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ และเสริมด้วยการจัดตั้งชุมชนนักออกแบบและการอำนวยความสะดวกในการสื่อสารระหว่างนักออกแบบรุ่นเยาว์

ทรัพยากรมนุษย์ เรื่องบริการเกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ดังนั้น เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและปัองกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น หลายฝ่ายจึงให้ความใส่ใจกับการพัฒนาความสามารถของทรัพยากรมนุษย์ในท้องถิ่นผ่าน “การศึกษาเชิงท่องเที่ยว” (Tourism Education) 

โดยเหตุผลพื้นฐานที่ทำให้จิ่งเต๋อเจิ้น เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญและเด็กพรสววรค์ เกิดขึ้นจากอุปสงค์ของตลาดและอุปทานของสถาบันการศึกษาไม่สอดรับกัน 
ในปัจจุบัน

เมืองนี้มีสถาบันการศึกษาเพียง 2 แห่ง ที่เปิดสอนหลักสูตรการจัดการโรงแรม อันได้แก่ มหาวิทยาลัยจิ่งเต๋อเจิ้น และวิทยาลัยอาชีวศึกษาศลิปะจิ่งเต๋อเจิ้น ซึ่งล้วนเป็นหลักสูตรระยะสั้น และมีจำนวนนักศึกษาค่อนข้างน้อย แถมสาขางานในด้านนี้ยังต้องใช้เวลานานในการพัฒนาทักษะฝีมือ 

ดังนั้น เด็กจบใหม่เหล่านี้ จึงต้องการโอกาสในการทำงานเพื่อสั่งสมประสบการณ์และยกระดับทักษะฝีมือ ซึ่งรัฐบาลและองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้อง พยายามให้โอกาสในการทำงานแก่เด็กจบใหม่มากขึ้น 

ในทางกลับกัน การท่องเที่ยวในจิ่งเต๋อเจิ้น ก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่ ไม่อาจพัฒนามืออาชีพเข้าสู่ระบบได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารระดับกลาง และ อาวุโส ของธุรกิจโรงแรมระดับไฮเอนด์ ส่งผลให้ผู้ใช้บริการท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี 

และโดยที่บริการคุณภาพสูงที่มีมาตรฐาน ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวและความสำเร็จของอุตสาหกรรมในระยะยาว การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร จึงลดทอนความเสี่ยงในการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในที่สุด

โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการขนส่ง ที่ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม ทำให้การท่องเที่ยวมีลักษณะกระจุกตัว และไม่เป็นเนื้อเดียวกัน ต้องใช้เวลามากขึ้นและไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง 

การจัดการเมืองที่ไม่ทันกับความต้องการด้านการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เกิดปัญหาการจราจร ตอนผมไปเยือนเมื่อปีก่อน ก็รู้สึกได้ว่า ถนนหนทางในจิ่งเต๋อเจิ้นควรได้รับการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ เฉพาะรถจักรยาน และจักรยานไฟฟ้าที่วิ่งอย่างขวักไข่วในเมืองทำเอาผมวิงเวียนศีรษะอยู่เหมือนกัน

เพื่อแก้ไขปัญหาช่องทางการจราจรบนถนนที่จำกัด รัฐบาลท้องถิ่นจึงได้พยายามออกแบบเส้นทาง และการตกแต่งบ้านเมืองเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การกำหนดเส้นทางจักรยาน และบริการจักรยานเช่าที่ครอบคลุม 

และการกำหนดประเภทพาหนะ ที่สามารถใช้เส้นทางจราจรที่มีความคับแคบเพื่อบรรเทาความแออัด เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า และรถประจำทางไฟฟ้า หรือผ่านสถานที่ที่ต้องการควบคุมระดับความดังของเสียง อาทิ พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ โรงเรียน และโรงพยาบาล

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสามารถก่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการจับจ่ายใช้สอย แต่การดำเนินการก็ไม่ได้ง่ายเสมอไป เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องอาจเผชิญกับความท้าทายที่ไม่คาดฝัน อาทิ อาคารโบราณทางประวัติศาสตร์ในเขตเมืองเก่า อาจตั้งอยู่บนแนวถนนใหม่ที่วางแผนจะตัดขึ้นใหม่ 

โชคดีที่ในจีนมีการพัฒนาเทคนิค และความชำนาญในการเคลื่อนย้ายอาคารมาพอควร ความท้าทายนี้จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการจัดการเมืองดังเช่นในอดีต บ่อยครั้งที่ผมเดินทางไปเยือนเมืองต่างๆ ในจีน จึงมักมีเรื่องเล่าว่า อาคารโบราณที่มีคุณค่าทางจิตใจมักถูกเคลื่อนย้ายจากจุดก่อสร้างเดิม 

ขณะเดียวกัน ความไม่พอเพียงของสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่าง อาทิ หอศิลป์ แกลลอรี่ ห้องน้ำสาธารณะ ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ หรือ แม้กระทั่งร่มเงาจากต้นไม้ และสิ่งก่อสร้างเสริม ก็อาจลดระดับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวโดยรวม 

นั่นหมายความว่า การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องมีการวางแผนโครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างบูรณาการ เป็นระบบ และครอบคลุม โดยพยายามเติมเต็มช่องว่างในการปรับปรุงทั้งในเชิงขนาด คุณภาพ และความหลากหลาย ทั้งส่วนของความต้องการของคนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวภายนอก 

สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มระดับของการเข้าถึง สร้างความประทับใจแรกผ่านประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว และสนับสนุนส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งในแง่ความถี่และเงื่อนเวลาในการท่องเที่ยว

อีกด้านหนึ่งที่ทวีความสำคัญมากขึ้นก็คือ การสื่อสารโทรคมนาคม การให้ความสำคัญกับการบูรณาการสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรม “แช๊ะแล้วแชร์” ของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมบอกให้โลกรู้ว่า ตนเองกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน 

นอกจากนี้ บ่อยครั้งที่เราพบว่า ความพยายามในการประชาสัมพันธ์ของภาครัฐผ่านสื่อหลักดั้งเดิม อาจไม่เพียงพอทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จึงจำเป็นต้องอาศัยการโปรโมทผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยบุคคลทั่วไปควบคู่ไปด้วย สิ่งนี้ยังเป็นเสมือนการ “ยืมมือ” สร้างโอกาสในการประชาสัมพันธ์สิ่งดีๆ ของเมืองได้อย่างให้เหมาะสม

เพื่อขยายการเข้าสู่สายตาและปฏิสัมพันธ์ของชาวโลกดังกล่าว รัฐบาลท้องถิ่นจึงต้องตระเตรียมระบบสื่อสารล้ำสมัยที่พร้อมสรรพ เราจึงเห็นความคิดริเริ่ม “ดิจิตัลจิ่งเต๋อเจิ้น” (Digital Jingdezhen) 

การส่งเสริมการตลาด อย่างที่ผมเกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่า การส่งเสริมการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กลายเป็นกลไกที่ทรงพลังในปัจจุบัน เช่น โต่วอิน (Douyin) เหว่ยปั๋ว (Weibo) และ เสี่ยวหงชู (Xiaohongshu) ซึ่งรัฐบาลและองค์กรเอกชนท้องถิ่นไม่ควรมองข้าม

                      รู้จัก“จิ่งเต๋อเจิ้น” เมืองหลวงแห่งเซรามิก (จบ)

การผลักดัน “แบรนด์” เซรามิกชั้นนำของจิ่งเต๋อเจิ้น ยังอาจเป็น “แม่เหล็ก” ตัวใหญ่ในการสร้างชื่อเสียงและดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกด้วย 

อย่างไรก็ดี ในอดีต จิ่งเต๋อเจิ้นยังขาดแบรนด์เซรามิกชั้นนำ ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ แบรนด์เซรามิกที่ใหญ่ที่สุดเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีความอนุรักษ์นิยมค่อนข้างสูง และไม่มีบทบาทนำในอุตสาหกรรม

ขณะที่วัฒนธรรมเซรามิกในจิ่งเต๋อเจิ้น ก็ค่อนข้างซ้ำซากจำเจ เพราะแม้ว่าจะมีประเภทและรูปแบบที่หลากหลาย แต่ก็ยังขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ทำให้อุตสาหกรรมนี้พัฒนาล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น

ประการสำคัญก็คือ องค์กรที่เกี่ยวข้องต้องตระหนักว่า การพัฒนาแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ควรสอดคล้องกับวัฒนธรรมเซรามิกดั้งเดิมและร่วมสมัยของจิ่งเต๋อเจิ้น ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักช็อปที่หลากหลายมากขึ้น  

ในประเด็นนี้ รัฐบาลท้องถิ่นจึงพยายามการเสริมสร้าง “แบรนด์เมือง” ผ่านแคมเปญ “แบรนด์แอมบาสเดอร์ด้านวัฒนธรรมของเมือง” (City Cultural Brand Ambassador) และขยายความร่วมมือระหว่างเซรามิกกับอุตสาหกรรมอื่น เช่น การใช้เทคโนโลยี VR เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและวัฒนธรรมเซรามิก 

เมื่อเร็วๆ นี้ ผมมีโอกาสพาคณะจีนไปเดินสำรวจที่ไอคอนสยาม (IconSiam) และ แวะไปเยี่ยมชม “ไอคอนคร๊าฟ” (IconCraft) พบว่ากำลังจัดงาน “Pottery Craft: The Art of Ceramic” ระหว่างวันที่ 1-15 มีนาคม อยู่พอดี  

สินค้าที่นำมาจัดแสดงถูกออกแบบและผลิตอย่างสร้างสรรค์ที่ผสมผสานเครื่องปั้น เข้ากับความร่วมสมัยได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ทำเอาผมประทับใจ และ หลงเสน่ห์ไปกับฝีมือของนักออกแบบไทยเป็นอย่างมาก

ผู้ที่ชื่นชอบเซรามิกควรหาเวลาแวะเวียนไปเยี่ยมชมงานนี้ครับ ประการสำคัญ สิ่งนี้ทำให้ผมรู้สึกมี “ความหวัง” กับการพัฒนาอุตสาหกรรมเซรามิกของไทยในอนาคต

จากเมืองเล็กๆ ที่มีคราบไคลทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเซรามิกในอดีต และนำมาบูรณาการเข้ากับนวัตกรรม และความริเริ่มสร้างสรรค์ จิ่งเต๋อเจิ้น ในวันนี้สามารถเรียกคืนชื่อเสียงของ “แบรนด์” การเป็น “เมืองหลวงแห่งเซรามิก” สานต่อในมิติเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวและอื่นๆ และพร้อมก้าวสู่การพัฒนาคุณภาพสูงอย่างมุ่งมั่นต่อไปในอนาคต ...