ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 4 ปี 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 42.9 จุด เพิ่มขึ้น 2.4 จุด จากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเริ่มมีความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ขณะที่สัดส่วนผู้ที่วางแผนจะซื้อบ้านภายใน 6 เดือนข้างหน้าขยับขึ้นเป็น 28.2% จาก 24.7% ในไตรมาสก่อน
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ คือ อัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง ประกอบกับสถาบันการเงินมีการออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยจากการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 32.1% ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยเอง มากกว่าซื้อเพื่อการลงทุน ที่คิดเป็นสัดส่วน 15.8% และตามมาด้วยซื้อเพื่อเป็นทรัพย์สิน 14.6% ซึ่งถือเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากช่วงก่อนหน้า ที่มีปัจจัยหลักของความต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
นอกจากนี้ความต้องการเนื่องจากต้องการแยกครอบครัวหรือแต่งงาน มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 8.9% เป็น 10.3% ขณะที่บางกลุ่มต้องการความสะดวกในการเดินทาง มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 8.9 % เป็น 9.0% ต้องการสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 8.1% เป็น 8.5% และต้องการนวัตกรรมบ้านอัจฉริยะ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 3.1% เป็น 3.6% และมีแนวโน้มที่ค่อย ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ในด้านช่วงราคาของที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด กลุ่มราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท มีสัดส่วนสูงสุดที่ 25.3% รองลงมาคือกลุ่มราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท ที่ 22.8% ซึ่งสองช่วงราคานี้รวมกันครองตลาดถึง 48.1% สำหรับประเภทที่อยู่อาศัยที่มีความต้องการมากที่สุด ยังคงเป็น บ้านเดี่ยว (40.6%) โดยกลุ่มราคาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดอยู่ที่ 3.01 – 5.00 ล้านบาท ตามมาด้วยคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งกลุ่มราคาที่ได้รับความนิยมสูงสุดอยู่ในช่วง 2.01 – 3.00 ล้านบาท
ในแง่ของทำเลที่ได้รับความสนใจมากที่สุด อันดับ 1 ยังคงเป็น กรุงเทพฯ 56.1% โดยเฉพาะทำเลเศรษฐกิจสำคัญ เช่น บางนา บางแค ลาดพร้าว สุขุมวิท และบางกะปิ อันดับ 2 คือ นนทบุรี 8.7% รองลงมาคือ ปทุมธานี 7.2% สมุทรปราการ 6.2% นครปฐม 3.8% และสมุทรสาคร 2.6% ตามลำดับ ในขณะที่จังหวัดอื่น ๆ นอกพื้นที่กรุงเทพฯ – ปริมณฑล มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยร่วมกันที่ 15.4%
และข้อมูลจาก REIC ยังเผยอีกว่า ผู้ที่มีแผนจะซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็น พนักงานบริษัทเอกชน 55.1% มีรายได้เฉลี่ยอยู่ในช่วง 15,001 – 30,000 บาทต่อเดือน คิดเป็น 34.4% ซึ่งถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อหลักในตลาด
ทั้งนี้ แนวโน้มตลาดอสังหาฯ ในปี 2568 ยังคงต้องจับตาปัจจัยแวดล้อม ทั้งอัตราดอกเบี้ย นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ และภาวะเศรษฐกิจที่มีผลต่อกำลังซื้อของประชาชน อย่างไรก็ตาม สัญญาณการปรับตัวดีขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นสะท้อนว่า ตลาดที่อยู่อาศัยอาจเริ่มกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านเดี่ยวและที่อยู่อาศัยระดับกลางที่ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง