รายงานล่าสุดจาก IDC ในหัวข้อ “พฤติกรรมการซื้อของและชำระเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2568 (How Southeast Asia Buys and Pays 2025)” ที่จัดทำโดย 2C2P และแอนทอม คาดการณ์ว่า ภายในปี 2571 มูลค่าธุรกรรมอีคอมเมิร์ซของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะพุ่งแตะ 11.21 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 325,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งเป็นการเติบโตที่ก้าวกระโดดจากปัจจุบัน แรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตนี้มาจากการเปลี่ยนผ่านสู่ ระบบชำระเงินดิจิทัล ที่เข้ามาแทนที่เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ
รายงานดังกล่าวได้ดำเนินการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคจาก อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม พบว่า 94% ของธุรกรรมอีคอมเมิร์ซทั้งหมดจะเกิดขึ้นผ่านช่องทางดิจิทัลภายในปี 2571 โดยมี การชำระเงินในประเทศ (97.9%) และกระเป๋าเงินดิจิทัล (94.9%) เป็นช่องทางหลักที่ผู้บริโภคนิยมใช้มากที่สุด
อีกหนึ่งปัจจัยเร่งการเติบโต คือ ระบบการชำระเงินแบบเรียลไทม์ (Real-Time Payments: RTPs) ที่ช่วยให้การทำธุรกรรมสะดวกและรวดเร็วขึ้น IDC คาดการณ์ว่า ภายในปี 2571 ระบบ RTPs จะมีมูลค่าการทำธุรกรรมรวมกว่า 379.5 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 11 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสิงคโปร์เป็นประเทศแนวหน้าที่ใช้ PayNow เป็นช่องทางหลักของระบบนี้
ขณะเดียวกัน การค้าข้ามพรมแดน กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญ IDC คาดว่า ภายในปี 2571 มูลค่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.04 แสนล้านบาท หรือประมาณ 14.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการเติบโต 2.8 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2566 สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดอาเซียนที่ยังมีโอกาสขยายตัวอีกมหาศาล
การเติบโตของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคได้รับการสนับสนุนจากโครงการ Regional Payment Connectivity (RPC) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง 6 ประเทศในอาเซียน โดยมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินให้สามารถเชื่อมโยงกัน ลดต้นทุนการทำธุรกรรม และทำให้ธุรกิจสามารถขยายตลาดข้ามพรมแดนได้ง่ายขึ้น
ในประเทศไทย แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบการชำระเงิน โดย 79% ของร้านค้ารองรับบัตรเครดิต/เดบิต, 75% ยังรับเงินสดปลายทาง, 58% ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล และ 37% รองรับการโอนเงินผ่านธนาคาร ขณะเดียวกัน บริการ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” (Buy Now, Pay Later - BNPL) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 35% ของร้านค้าในไทยรายงานว่าลูกค้าใช้ BNPL เพิ่มขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
แนวโน้มการชำระเงินดิจิทัลยังขยายไปสู่เทคโนโลยีใหม่ เช่น “การชำระเงินแบบไร้สัมผัส” (Contactless Payments) และ “การชำระเงินด้วยเสียง” (Voice Payments) ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองจากภาคธุรกิจ โดย 32% ของร้านค้าในไทยระบุว่าการชำระเงินแบบไร้สัมผัสเป็นกลยุทธ์สำคัญต่อธุรกิจในอนาคต ขณะที่ 30% ของร้านค้าให้ความสำคัญกับการชำระเงินด้วยเสียง และ 27% ของร้านค้าเห็นว่าโซลูชันการชำระเงินข้ามพรมแดนจะเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ
อย่างไรก็ตาม ระบบ POS (Point of Sale) ในไทยที่รองรับ NFC ยังมีเพียง 55% ซึ่งต่ำกว่ามาเลเซีย (93%) และสิงคโปร์ (95%) แสดงให้เห็นถึงช่องว่างของโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องเร่งพัฒนาเพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
นายแอกเนส ฉัว กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ บริษัท 2C2P กล่าวว่าภูมิทัศน์อีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ผู้ค้าต่างตระหนักถึงโอกาสมหาศาลจากการเติบโตนี้ ซึ่งช่วยขับเคลื่อนรายได้จากอีคอมเมิร์ซ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจ เช่น การให้บริการแก่ผู้บริโภค การแก้ไขปัญหา การผสานระบบช่องทางชำระเงิน และปัญหาทางเทคโนโลยี 2C2P ช่วยให้ธุรกิจสามารถรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างมั่นใจ โดยนำเสนอโซลูชันการชำระเงินที่ช่วยลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน เพิ่มศักยภาพให้แก่ธุรกิจการค้าข้ามพรมแดน และขับเคลื่อนการเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคนี้ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ค้าสามารถปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ และเติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง”
ขณะที่ นายแกรี่ หลิว ผู้จัดการทั่วไปของแอนทอม บริษัท แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านดิจิทัลคอมเมิร์ซและนวัตกรรมอย่างรวดเร็ว ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องอาศัยระบบธุรกรรมที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพในการขยายการเติบโตข้ามพรมแดน และเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน แอนทอมมองว่าระบบการชำระเงินไม่ได้เป็นเพียงโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นตัวเร่งการเติบโตของธุรกิจ เราได้ทำงานร่วมกับ 2C2P และบริษัทอื่นๆ ในเครือข่ายของแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้ค้าด้วยการมอบโซลูชันส์ด้านการชำระเงินดิจิทัลที่ครบวงจร ในขณะเดียวกัน ยังค้นหาโอกาสใหม่ๆ ด้านบริการระบบบัญชี การจัดหาเงินทุน และการบริหารการเงินระดับโลก เพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต บริษัทของเรายังได้ประสานงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลระดับท้องถิ่นและพันธมิตรในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ สำหรับธุรกิจทุกขนาด ช่วยให้พวกเขาเติบโตท่ามกลางเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”