รัฐบาลดันโมเดลแก้จนศรีสะเกษ ดึงงานวิจัย-พลังภาคีชนะความยากจน

21 มี.ค. 2568 | 14:36 น.
อัปเดตล่าสุด :21 มี.ค. 2568 | 14:44 น.

รัฐบาลผลักดันโมเดลแก้จน "สุขเสมอกันศรีสะเกษ" อว.-พบท. ดึงงานวิจัย ร่วมพลังภาคีสารตั้งต้นแก้จนลดเหลื่อมล้ำ ก่อนวางแผนขยายโครงการครอบคลุมทั่วทุกอำเภอ

น.ส.ศุภมาส  อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อตรวจติดตามผลงานวิจัยแก้ไขปัญหาความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำ ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ “มหกรรมแก้จน คนของพระราชา”ที่เป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ กับหน่วยบริหารและจัดการทุนเพื่อการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ(สอวช.) ในสังกัดกระทรวง อว. 

น.ส.ศุภมาส กล่าวว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ และหน่วย บพท.ได้สนับสนุนทุนวิจัย เพื่อพัฒนาชุดความรู้สำหรับแก้ปัญหาความยากจนให้เป็นไปด้วยความเบ็ดเสร็จแม่นยำและยั่งยืน ถือเป็นการทำงานร่วมกันของสถาบันความรู้ และหน่วย บพท.ร่วมกับภาคีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในพื้นที่ ทำให้เกิดระบบข้อมูลครัวเรือนยากจนของจังหวัดศรีสะเกษ ภายใต้ชื่อ “สุขเสมอกันที่ศรีสะเกษ” หรือ Sisaket Equity System-SES

 

รัฐบาลดันโมเดลแก้จนศรีสะเกษ ดึงงานวิจัย-พลังภาคีชนะความยากจน

 

"ด้วยการทำงานร่วมกันนี้ ทำให้เรามีแผนการในการพัฒนาโครงการที่เน้นการสร้างทักษะอาชีพและผลักดันให้เข้าถึงสวัสดิการที่ควรจะได้รับ เพื่อจัดการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำ คือ การใช้ระบบข้อมูลครัวเรือนความยากจนกลาง สุขเสมอกันที่ศรีสะเกษ เป็นระบบที่จะสอบทานและนำคนจนตกหล่นเข้าสู่ระบบ” น.ส.ศุภมาส กล่าว

นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรี กระทรวง อว. กล่าวว่าการลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษทำให้ทราบว่าระบบข้อมูลสุขเสมอกันที่ศรีสะเกษ ยังถูกใช้เป็นเหมือนสารตั้งต้น ในการออกแบบโมเดลแก้จน ตลอดจนพัฒนานวัตกรรม สำหรับแก้ปัญหาความยากจนที่มีความสอดคล้องกับวิถีชีวิต และบริบทพื้นที่ อย่างเช่น

โมเดลผักปลอดภัย และนวัตกรรมการแปรรูปถั่วเหลืองเป็นอาหารมังสะวิรัติ เพื่อสุขภาพ ซึ่งช่วยสร้างความมั่นคงด้านอาชีพ และยกระดับรายได้แก่ครัวเรือนยากจนให้เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยเดือนละ 3,000 บาท อีกทั้งยังทำให้เกิดการรวมตัวเป็นเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนที่เชื่อมโยงสมาชิกจากหลากหลายตำบล ทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง มีขีดความสามารถพึ่งพาตัวเองได้

ทั้งนี้ได้มีการส่งต่อนวัตกรรมและเทคโนโลยี “โมเดลแก้จน” เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ เช่น โมเดลผักปลอดภัย และนวัตกรรมการแปรรูปถั่วเหลือง ที่ช่วยเหลือครัวเรือนยากจนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 3,000 บาท/เดือน ก่อให้เกิดเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนที่เชื่อมโยงสมาชิกจากหลากหลายตำบล สร้างความเข้มแข็งและส่งเสริมความเสมอภาคในพื้นที่

นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ ด้วยการขับเคลื่อนกองทุนสวัสดิการเพื่อครัวเรือนคนจนในหลายประเด็น เช่น การผลักดันให้ครัวเรือนกลุ่มสงเคราะห์เข้าสู่กลไกกองทุนระดับตำบลเพื่อเข้าถึงสวัสดิการ และส่งต่อความช่วยเหลือให้กับเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการช่วยเหลือครัวเรือนที่มีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติ และเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ

 

รัฐบาลดันโมเดลแก้จนศรีสะเกษ ดึงงานวิจัย-พลังภาคีชนะความยากจน

 

ผศ.ดร.สหัสา พลนิล รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ กล่าวว่า ระบบข้อมูลสุขเสมอกันที่ศรีสะเกษ ซึ่งถูกใช้เป็นสารตั้งต้นสำหรับการแก้ไขปัญหาความยากจนในจังหวัดศรีสะเกษ เป็นผลจากการทุ่มเททำงานร่วมกับหน่วยบพท.และภาคีเครือข่ายในพื้นที่อย่างต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา

"ระบบข้อมูลสุขเสมอกันที่ศรีสะเกษ ถูกนำไปเป็นฐานข้อมูลสำหรับใช้ออกแบบโมเดลแก้จน และพัฒนานวัตกรรมพร้อมใช้ ที่มีความหลากหลายสำหรับครัวเรือนยากจน ทั้งนวัตกรรมระบบปฏิทินการปลูกพืชผลการเกษตร นวัตกรรมน้ำหมักชีวภาพจากเศษวัสดุการเกษตร นวัตกรรมแปรรูปถั่วเหลืองเป็นอาหารมังสวิรัติพร้อมใช้พร้อมทาน ในรูปของแป้งถั่วเหลือง หมูยอเจปันสุข และเทมเป้ถั่วเหลือง รวมทั้งกองทุนสวัสดิการช่วยเหลือครัวเรือนยากจนที่ประสบภัยพิบัติ"

 

รัฐบาลดันโมเดลแก้จนศรีสะเกษ ดึงงานวิจัย-พลังภาคีชนะความยากจน

 

ดร.กิตติ  สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ หน่วยบพท.กล่าวว่าผลลัพธ์ความสำเร็จจากการสานพลังความรู้ โดยมีมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษเป็นแกนกลาง เชื่อมโยงเข้ากับพลังภาคีในพื้นที่ ก่อเกิดผลกระทบเชิงบวกหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งครัวเรือนยากจน ได้รับการแก้ไขให้บรรเทาจากความยากจน มีรายได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ มีอาชีพที่มั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

ขณะเดียวกันระบบข้อมูลสุขเสมอกันที่ศรีสะเกษ ยังได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐนำไปใช้เป็นฐานข้อมูล เพื่อการวางแผนจัดทำโครงการพัฒนาพื้นที่อย่างกว้างขวางครอบคลุมทั่วทุกอำเภอในจังหวัดศรีสะเกษ