เงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคม สูตรใหม่ "ยุติธรรม-ยั่งยืน"

22 มี.ค. 2568 | 08:00 น.

เปิดวิธีคำนวณเงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคม ผู้ประกันตน ม.33 ม.39 แบบใหม่สูตร CARE คิดจากเพดานเงินเดือนเฉลี่ยตลอดอายุการทำงานจริง หวังสร้างความยุติธรรม-ยั่งยืน

เงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคม ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นพร้อมถูกตั้งคำถามถึงความมั่นคงของผู้ประกันตนในช่วงที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ บอร์ดประกันสังคม จะได้มีมติเอกฉันท์เห็นชอบในหลักการณ์ให้ใช้วิธีการคำนวณแบบสูตร Career-Average Revalued Earnings (CARE) หรือ การคิดจากเพดานเงินเดือนเฉลี่ยตลอดอายุการทำงานจริง ซึ่งสำนักงานประกันสังคมจะต้องไปทำประชาพิจารณ์เพื่อแก้ไขกฎหมายภายในกรอบระยะเวลา 90 วัน

สำหรับวิธีการคำนวนเงินบำนาญชราภาพเป็นสูตรที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี 2540 กล่าวคือ ประกันสังคมกำหนดให้ผู้ประกันตนเกษียณและมีอายุ 55 ปีขึ้นไป สามารถขอรับเงินชราภาพได้ หากผู้ประกันตนส่งเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือน (15 ปี) ขึ้นไป จะได้รับเงินบำนาญชราภาพเป็นรายเดือนตลอดชีวิต

โดยมีเงื่อนไขสำคัญ คือ ผู้ประกันตนส่งเงินสมทบ 180 เดือนจะได้รับเงินบำนาญชราภาพ ในอัตรา 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย หากผู้ประกันตนส่งเงินสมทบเกิน 180 เดือน จะได้รับเงินเพิ่มอีก 1.5% ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบครบทุก 12 เดือน

ยกตัวอย่าง เช่น ผู้ประกันตนทำงานได้รับค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท ส่งเงินสมทบมาแล้ว 20 ปี เมื่อมีอายุ 55 ปีขึ้นไป และเกษียณอายุงานสามารถขอรับเงินบำนาญชราภาพได้ โดยมีวิธีคำนวณเงินบำนาญชราภาพเป็น 2 ส่วน

ส่วนที่ 1 ผู้ประกันตนส่งเงินสมทบครบ 180 เดือนจะได้รับเงินบำนาญชราภาพ ในอัตราร้อยละ 20 ของฐานเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย หรือช่วง 5 ปี ก่อนเกษียณอายุ กรณีของผู้ประกันตน ม.33 จะคิดจากเพดานสูงสุดของเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท ขณะที่ผู้ประกันตนม.39 จะคำนวณจากเพดานค่าจ้างสูงสุดที่ 4,800 บาท

ส่วนที่ 2 ในปีที่ 16 - ปีที่ 20 (5 ปี) จะได้รับเงินเพิ่มอีก 1.5% ต่อระยะเวลาการส่งเงินสมทบครบทุก 12 เดือน รวมอัตราเงินบำนาญชราภาพ 20 ปี จะได้ 20% + 7.5% = 27.5%

ดังนั้น ผู้ประกันตนรายนี้จะได้รับเงินบำนาญรายเดือน = 27.5% ของเงินเดือน 15,000 บาท คือ 4,125 บาท ทุกเดือนตลอดชีวิต

เงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคม สูตรใหม่ \"ยุติธรรม-ยั่งยืน\"

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ กรณีที่ผู้ประกันตน ม.33 ส่งเงินสมทบต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปี ก่อนจะมาตกงานในช่วง 5 ปีก่อนถึงวันเกษียณอายุได้สมัครเป็นผู้ประกันตนใน ม.39 จากสูตรคำนวณเงินบำนาญชราภาพที่คิดคำนวณจากเพดานฐานเงินเดือน ม.33 อยู่ที่ 15,000 บาท

ประกันสังคมจะคิดจากฐานเงินเดือนของผู้ประกันตน ม.39 ซึ่งอยู่ที่ 4,800 บาทแทน ดังนั้น จากที่คาดว่า เงินบำนาญชราภาพที่อาจจะได้รับประมาณ 4,000-5,000 บาท จะลดลงเหลือพันกว่าบาทเท่านั้น

สำหรับสูตรใหม่ซึ่งผ่านความเห็นชอบจาก บอร์ดประกันสังคมจะไม่ได้คำนวณจากฐานเงินเดือน 60 เดือนสุดท้ายแต่จะคิดเฉลี่ยจากฐานเงินเดือนที่ส่งจริงทั้งหมด ดังนั้น แม้ว่าจะตกงานแล้วไปต่อเป็นผู้ประกันตน ม.39 เงินสมทบทั้ง 2 ส่วน คือ ตั้งแต่ส่ง ม.33 และ ม.39 จะถูกนำมาคำนวณร่วมกัน โดยประกันสังคมคิดจาก 20% คูณด้วยฐานเงินเดือนเฉลี่ยที่ส่งจริงทั้งหมด และหากส่งเกิน 180 เดือนจะได้รับเงินบำนาญชราภาพเพิ่มอีกปีละ 1.5%

เงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคม สูตรใหม่ \"ยุติธรรม-ยั่งยืน\"

ดังนั้น หากคิดตามสูตรคำนวณใหม่นี้กรณีของผู้ประกันตน ม.39 จะได้รับเงินบำนาญชราภาพที่เป็นธรรมมากขึ้น ซึ่งการศึกษาสูตรบำนาญแบบ CARE นี้ สปส. ได้ศึกษาร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เพื่อสร้างความเป็นธรรมด้านบำนาญให้แก่ผู้ประกันตนทุกกลุ่ม ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าผู้ประกันตน ม. 33 ที่ย้ายมาเป็น ม.39 แล้วได้เงินบำนาญชราภาพต่ำกว่าความเป็นจริงให้สามารถดำรงชีพได้แม้อัตราเงินเฟ้อจะเปลี่ยนแปลงไป

อีกทั้งทำให้ผู้ประกันตน ม. 33 ได้รับเงินบำนาญชราภาพเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับแผนการปรับฐานเพดานค่าจ้างปี 2569 (เพดานใหม่ 17,500 บาท จะถูกนำมาคำนวณเพิ่มบำนาญให้ทันที)

"นางมารศรี ใจรังสี" เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวย้ำว่า การใช้สูตรคำนวณบำนาญชราภาพใหม่จะต้องทำควบคู่กับการปรับเพดานค่าจ้างใหม่ 17,500 บาทที่จะเริ่มวันที่ 1 ม.ค.2569 สำหรับผู้ที่เกษียณแล้วจะได้รับการปรับสูตรบำนาญใหม่ด้วยโดยจะต้องดูว่า คนที่ได้รับบำนาญอยู่แล้วในปัจจุบันถ้าใช้สูตรใหม่แล้วได้บำนาญลดลง สำนักงานประกันสังคมก็จะให้ในอัตราเท่าเดิมแต่ถ้าทำให้ได้เงินบำนาญเพิ่มขึ้นก็จะปรับเพิ่มขึ้นให้เพื่อให้เป็นธรรมมากที่สุดโดยจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นปีละ 1 แสนคน จากปัจจุบันมีผู้รับบำนาญทั้งหมด 8 แสนคน

เงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคม สูตรใหม่ \"ยุติธรรม-ยั่งยืน\"

ลองมองให้ไกลกว่านั้น นายณภูมิ สุวรรณภูมิ หัวหน้างานคณิตศาสตร์ประกันภัยสำนักงานประกันสังคม ได้อธิบายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยเปรียบเทียบสูตรคำนวณแบบเก่าและแบบใหม่เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ หยิบยกตัวอย่าง กรณีผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบตั้งแต่ปี 2542 และเกษียณในปี 2568 ไว้ดังนี้

-กรณีผู้ประกันตนม.39 ที่เคยส่งฐาน 15,000 (ตอนม.33) แล้วเปลี่ยนไปส่ง 4,800 บาทช่วง 6 ปีสุดท้าย บำนาญเพิ่มมาก (จาก 1,750 เป็น 4,789 บาท หรือ +173%)

-ผู้ที่ส่งม. 33 ไม่นานแล้วมาส่งม. 39 นานๆ บำนาญเพิ่มขึ้นแต่ไม่มากเท่ากรณีแรก

-ผู้ที่ส่งฐาน 15,000 บาทตลอด พอเพดานขยับเป็น 17,500 ในปี 2569 บำนาญขยับขึ้นจาก 5,700 เป็น 6,039 บาท (+6%) แต่ถ้าเกษียณหลังปรับเพดานค่าจ้างไปเกิน 60 เดือน สูตรใหม่จะได้น้อยกว่าเก่า (เพราะสูตรเก่าไม่นำช่วงเพดานเก่า 15,000 มาคิด จึงได้มากกว่าตามสัดส่วนการส่งจริง)

-กลุ่มค่าจ้างต่ำกว่า 15,000 บาท จะได้บำนาญใกล้เคียงสูตรเดิม

-ผู้ที่ค่าจ้างต่ำเกือบตลอดแต่ไปเร่งส่งสูง 15,000 ช่วง 5 ปีสุดท้าย บำนาญอาจลดลง เพราะสูตร CARE ป้องกันไม่ให้เอาเปรียบระบบโดยจ่ายสูงเฉพาะโค้งสุดท้าย

สรุปสูตร CARE ไม่ใช่การเพิ่มบำนาญแต่เป็นการปรับให้ระบบยุติธรรมและยั่งยืน โดยหากส่งมากได้มาก ส่งน้อยได้ตามสัดส่วนอย่างแท้จริง และลดปัญหาสูตร 60 เดือนสุดท้ายที่บางคนใช้เพื่อให้ได้บำนาญสูงเกินจริง หรือกลุ่มมาตรา 39 ที่ฐานต่ำเกินไป อีกทั้งจะไม่กระทบผู้ที่รับบำนาญอยู่แล้วหรือคนที่ใกล้เกษียณมากเกินไป

วิเคราะห์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,080 วันที่ 20 - 22 มีนาคม พ.ศ. 2568