*** หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ลึก ตรงประเด็น เห็นโอกาส ปีที่ 45 ฉบับ 4,080 โดย...กาแฟขม
*** เป็นเรื่องราวต่อเนื่องตามมาเมื่อทางการไทยส่ง 40 ชาวอุยกูร์ ที่ถูกคุมขังร่วม 10 ปี กลับประเทศจีน เริ่มที่สหรัฐมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ ออกหนังสือประณาม ความว่า ขอประณามอย่างถึงที่สุดต่อกรณีที่ไทยผลักดันชาวอุยกูร์อย่างน้อย 40 คนกลับประเทศจีน ทำให้พวกเขาต้องอยู่ในประเทศที่ตนไม่มีสิทธิเข้าถึงกระบวนการอันควรตามกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ชาวอุยกูร์เคยถูกข่มเหง บังคับใช้แรงงาน และทรมาน ในฐานะพันธมิตรอันยาวนานของไทย เรารู้สึกตระหนกกับการกระทำนี้ ซึ่งอาจขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศของไทยภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ
การกระทำดังกล่าวยังขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติของชาวไทยในการปกป้องกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุด รวมถึงความมุ่งมั่นของไทยที่จะคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอีกด้วย เราเรียกร้องรัฐบาลของทุกประเทศที่ชาวอุยกูร์เข้าไปอาศัยความคุ้มครอง ให้ไม่ผลักดันกลุ่มชาติพันธุ์อุยกูร์กลับประเทศจีน
*** สหรัฐฟาดซํ้าอีกดอก โดย มาร์โค รูบิโอ รมต.ต่างประเทศสหรัฐ ประกาศนโยบายข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่าใหม่ ซึ่งจะมีผลกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบัน หรือในอดีต ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต่อ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์หรือชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์หรือศาสนากลุ่มอื่น ที่อาจไม่ได้รับความคุ้มครองกลับประเทศจีน ปฏิบัติตามนโยบายนี้ทันที ด้วยการดำเนินขั้นตอนเพื่อกำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่า กับ เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันและในอดีต
*** สหรัฐอ้างความชอบธรรม เป็นประเทศที่ปกป้องสิทธิมนุษยชน ชี้นิ้วใส่จีน กระทำฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ บีบรัฐบาลไทยต้องเรียกร้องให้ทางการจีนคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์ ชี้นิ้วกล่าวหามาที่ไทยเรื่องการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยไม่ยอมรับฟังคำชี้แจงใดใดจากรัฐบาลไทย ทั้งในแง่การติดตามดูแล และปฏิบัติกับผู้ถูกส่งกลับ หรือ แม้กระทั่งการรับคนเหล่านี้ว่าไม่มีประเทศใดเปิดที่เปิดทางรับ แม้กระทั่งสหรัฐเอง หรือประเทศอื่นในยุโรป ที่ล้วนบอกปัดปฏิเสธแทบทั้งสิ้น แต่เมื่อส่งกลับก็ประณามทันที
*** ว่าที่จริงประเทศที่ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนจ๋าอย่างสหรัฐ ไม่ได้เคารพกับคำประกาศของตัวเองในหลากหลายกรณี แต่ในหลายที่หลายแห่งในโลกใบนี้ สหรัฐเป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษชนเสียเอง หรือกระทำทั้งทางตรง ทางอ้อมในการละเมิดสิทธิมนุษชน อาจเลยเถิดไปถึงการใช้อำนาจทางทหารไปรังแกประเทศเล็กๆ ด้วยซํ้า เพื่อปกป้องอีกฝ่ายหนึ่ง กลุ่มหนึ่งที่เดินตามหลังพวกเขา หรือเพื่อผลประโยชน์ทางทรัพยากร หรือเพื่อผลของการต่อรองกับมหาอำนาจอื่นๆ ด้วยกัน
อย่างกรณียูเครนก็เห็นชัด เมื่อ ทรัมป์ มาเป็นประธานาธิบดีรอบนี้ ก็ไม่ได้สนอกสนใจชีวิตของชาวยูเครนสักเท่าใด แต่ถ้าจะให้ปกป้องต้องจ่ายมา แล้วนี่หรือ คือ ประเทศเสรี ที่ปกป้องสิทธิมนุษยชนตามคำประกาศสวยหรู
*** มาที่ประเทศไทยกันหน่อย มีความแปลกๆ แปร่งๆ พิลึกพิลั่น เมื่ออยู่ดีๆ ก็มีคำสั่งลับ ให้มาช่วยราชการในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เหตุผลสวยหรู ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้นําหลักการตลาดนำนวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ มาเป็นแนวทางขับเคลื่อนนโยบายปฏิรูปภาคการเกษตรของประเทศ ซึ่งจําเป็นต้องมีการจัดทําแผนการผลิตของพืชเศรษฐกิจที่สําคัญ หรือสินค้าเกษตรต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการขับเคลื่อนนโยบาย จึงให้ นายรพีภัทร จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร มาช่วยปฏิบัติราชการที่สํานักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อทําหน้าที่แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกตํ่าตามนโยบาย เป็นระยะเวลา 3 เดือน
ตามคำสั่งและเหตุผลตามนี้ ไม่เห็นต้องเซ็นขอตัวมาช่วยราชการเป็นเรื่องราว แค่ตั้งอธิบดีเป็นหัวหน้าคณะทำงาน จะโดยปลัดหรือรัฐมนตรีก็ไม่เห็นจะไม่ได้ อันที่จริงอธิบดีกรมวิชาการเกษตร โดยตำแหน่งหน้าที่ ก็เป็นแกนหลักในการแก้สินค้าเกษตรตกตํ่าอยู่แล้ว
*** ต่อมาภายหลังมีการปกปิดกันอยู่ว่า มีการตั้งกรรมการสอบอธิบดี หลังมีใบปลิวร้องเรียนเกี่ยวกับผลประโยชน์บริษัทตรวจสอบล้งทุเรียน ...แค่บัตรสนเท่ห์ ใบปลิวนี่ถึงขั้นขอตัวมาช่วยราชการกันเลยรึ การจะย้าย หรือ โยกใคร โดยเฉพาะข้าราชการระดับสูง ต้องมีเหตุผลทางลึก ทางลับ หนักแน่นพอสมควรในเบื้องต้น ว่ามีส่วนหรือมีเอี่ยวจริง มิฉะนั้นมิต้องย้ายกันทุกกระทรวง หรือ ถ้ามีใครเขียนใบปลิวกล่าวหาใครลอยๆ ขึ้นมา ว่าก็ว่า ข้อความตามใบปลิว แล้วมีการนำไปสื่อ นำไปสู่ความเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ การรับราชการและครอบครัว
มีกระแสว่าอธิบดีจะฟ้องร้องดำเนินคดี ทั้งศาลปกครอง ระบบพิทักษ์คุณธรรมของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ให้ถึงที่สุด เพื่อรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ ...เอาละวา งานนี้ดูไม่จืดเมื่ออธิบดีสู้กลับ ไปไล่เช็กประวัติกันก่อนดีๆ ฟังๆ มาไม่เคยมีด่างพร้อย หรือ ผิดลู่ผิดทางสักเท่าใดนา ติดตามกันดีๆ เรื่องนี้อีกไม่นานก็รู้
หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,080 วันที่ 20 - 22 มีนาคม พ.ศ. 2568