ซักฟอก-ศึกหนัก“รัฐบาลแพทองธาร”

16 ก.พ. 2568 | 06:30 น.

ซักฟอก-ศึกหนัก“รัฐบาลแพทองธาร” : คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...ว.เชิงดอย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4,071 ระหว่างวันที่ 16-19 ก.พ. 2568

***คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4,071 ระหว่างวันที่ 16-19 ก.พ. 2568 “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย

*** ขอพาท่านผู้อ่านไปติดตามเรื่องที่ว่าด้วย “การเมืองไทย” กัน เพราะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ในวันที่ 27 ก.พ. 2568 นี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านที่นำโดย “พรรคประชาชน” จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ (ซักฟอก) รัฐบาลภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งการได้อภิปรายจริงน่าจะมีขึ้นในเดือน มี.ค. โดยเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา ฝ่ายค้านได้มีมติร่วมกันที่จะยื่นญัตติในวันดังกล่าว  ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่าจะมีการยื่นญัตติในวันดังกล่าว และอยากจะขอเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไว้ที่ 5 วัน ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลเองไม่น่าจะปิดกั้นการตรวจสอบถ่วงดุลจากพรรคฝ่ายค้าน เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

สำหรับเหตุผลที่ฝ่ายค้านจำเป็นต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ผู้นำฝ่ายค้าน ชี้แจงว่า รัฐบาลชุดนี้บริหารราชการแผ่นดิน ขาดประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยปัญหาสังคมในหลายเรื่อง รวมถึง ประเด็นที่ส่อเค้าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน การบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่ได้เป็นไปตามธรรมาธิบาลของระบอบประชาธิปไตย ที่ผู้มีอำนาจในรัฐบาลควรจะต้องถูกตรวจสอบถ่วงดุล และชี้แจงได้ในระบบรัฐสภา แต่ส่วนในรายละเอียดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อาจจะยังเปิดเผยมากไม่ได้

หัวหน้าพรรคประชาชน ยังมั่นใจว่าการอภิปรายฯ ครั้งนี้ จะนำไปสู่การล้มรัฐมนตรีได้ “ผมเชื่อว่าสามารถนำไปสู่จุดนั้นได้ แต่หากถามว่าเป้าหมายสูงสุดคืออะไร ก็คือ การตีแผ่ความจริงให้ประชาชนเห็น ว่าการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดนี้ ขาดความชอบธรรมอย่างไร รวมถึงหลายๆ กรณีที่เราเห็นตามหน้าข่าว ก็อาจจะเห็นความขาดความเป็นเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งสะท้อนมาถึงการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ทำให้ปัญหาของประชาชนไม่ได้รับการแก้ไขด้วย

*** ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ “พรรคพลังประชารัฐ” ในการเตรียมซักฟอกรัฐบาลนั้น ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคฯ ได้ออกมาเผยถึงประเด็นที่จะอภิปรายรัฐบาลว่า พรรคพลังประชารัฐได้กำหนดประเด็นหลักที่อภิปราย 2 เรื่อง คือ ร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และ การเจรจาผลประโยชน์ร่วมกันในเขตพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนไทย-กัมพูชา ตาม MOU 44 โดยจะเป็นการตั้งคำถามไปที่ตัว นางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรีเป็นหลัก “ผมเชื่อมั่นว่า ประเด็นที่พรรคพลังประชารัฐได้นำมาอภิปรายรัฐบาลในครั้งนี้ มีน้ำหนักพอที่จะทำให้นายกฯ และ รัฐมนตรีบางคนต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ และหากตอบได้ไม่ชัดก็จะเกิดปัญหาได้ โดยจะเป็นการเปิดประเด็นให้เห็น พฤติการณ์ในเรื่องที่สังคมไม่เคยรับรู้มาก่อน” 

ส่วนการอภิปรายครั้งนี้จะสามารถล้มรัฐบาลได้หรือไม่ นายไพบูลย์ ระบุว่า  ตัวของนายกฯ มีปัญหาเยอะอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่มีผลให้เปลี่ยนตัวนายกฯ แต่นายกฯ ก็อาจจะมีปัญหา สืบเนื่องจากผลของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และทำให้สังคมได้รู้อะไรมากขึ้นหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

*** ขณะที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไรกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน โดยตอบคำถามที่ว่าไม่แปลกใจใช่หรือไม่ที่การอภิปรายฯ จะมีการพาดพิงไปถึงผู้ช่วยหาเสียง (ทักษิณ ชินวัตร ) นายกฯ ร้องโอ๊ย ก่อนระบุว่า “ต้องพร้อมตอบทุกเรื่อง เป็นนายกฯ ต้องพร้อมทุกเรื่อง” เช่นเดียวกับ ทักษิณ ชินวัตร พ่อนายกฯ ที่ออกมาระบุว่า ตนเองไม่สามารถเข้าไปในสภาได้ แต่อาจไปอยู่หลังสภาฯ คอยตอบให้ ถ้าใครสงสัยอะไรมาถามได้ เมื่อถามว่าจะเกาะติดการอภิปรายตั้งวอร์รูม หรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า “ไม่มีปัญหาสบายๆ ไม่มีอะไรต้องกังวล”

เมื่อถามว่าจะต้องติวให้นายกฯ หรือไม่ เพราะนายกฯ ยังไม่เคยผ่านเวทีอภิปราย นายทักษิณ กล่าวว่า “นายกฯ ผ่านมาเยอะแล้ว โดนมาเยอะแล้วสบายๆ เป็นหน้าที่นายกฯ ที่ต้องคอยตอบคำถาม ฝ่ายค้านก็มีหน้าที่ตั้งคำถาม เราก็มีหน้าที่ตอบไม่มีอะไร เป็นกติกาในระบบประชาธิปไตย” เมื่อถามว่าในฐานะคุณพ่อ มีความกังวลแทนนายกฯ หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “ไม่กังวล มั่นใจ” เมื่อถามว่า จะมีการนำเรื่องชั้น 14 รพ.ตำรวจ มาอภิปราย และอาจนำไปสู่การเมืองนอกสภาฯ นายทักษิณ กล่าวว่า มั่นใจ ไม่กังวล หากมีการพาดพิงมาที่ตน ตนก็สามารถตอบเองได้ เมื่อซักว่ากังวลหรือไม่หากมีการอภิปรายเรื่องกรณีการรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ จะสะเทือนรัฐบาล นายทักษิณ ตอบว่า  “ม่มีอะไรเลย อย่าไปตื่นเต้น”

*** จากเรื่อง “อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล” ไปต่อกันที่กระแส “ปรับ ครม.” เพราะทั้ง 2 เรื่องอาจมีความสัมพันธ์กัน เนื่องจากในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา เวลาจบ “ศึกซักฟอก” สิ่งที่จะตามมาก็คือ การ “ปรับ ครม.” เพื่อปรับปรุงการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพ หรือ ใครที่ถูกอภิปราย เจอฝ่ายค้าน “เปิดแผล” สังคมคาใจในพฤติกรรม ก็อาจนำไปสู่การ “โยก-สลับ-สับเปลี่ยนคน” เกิดขึ้นได้ ถือเป็นเรื่อง “ปกติธรรมดา” ของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ที่จะมีการปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ที่นอกจากเพื่อปรับปรุงการบริหารงานแล้ว “ปัจจัยทางการเมือง” ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะนำไปสู่การ “ปรับ ครม.” ได้ โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ ของรัฐบาล สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ “กระแสความนิยมทางการเมือง” และ  “หมากกลทางการเมือง” ที่จะทำให้ชนะการเลือกตั้ง ได้ สส.เข้ามาจำนวนมากๆ เพื่อเป็นอันดับ 1 ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป

                             ซักฟอก-ศึกหนัก“รัฐบาลแพทองธาร”

*** ปิดท้ายกันที่... พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ ประธานคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบประวัติบุคคลความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขอความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และ ประชาชนทั่ว ไปในการแจ้งข้อมูล ข้อเท็จจริง หรือข้อคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  โดยบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อ 2 ราย ประกอบด้วย 1. รศ.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี ศาสตราจารย์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ 2. นายชาตรี อรรจนานันท์ อดีตอธิบดีกรมการกงสุล และอดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ใครมีข้อมูลความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลทั้ง 2  สามารถจัดส่งไปยัง ประธานคณะกรรมาธิการสามัญฯ ที่ ตู้ ปณ. 9 ปณฝ. รัฐสภา กรุงเทพฯ 10305 หรือที่สํานักกํากับ และตรวจสอบ สํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา เลขที่ 1111 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 หรือที่ http://www.senate.go.th ภายในวันพุธที่ 19 ก.พ. 2568 นี้