การประชุมคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อวันที่ 20 มีนาคม2568 มีมติ เห็นชอบ ให้ผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (เกณฑ์ LTV)
1. กำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันเป็น100% สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งกรณี (1) มูลค่าหลักประกันตํ่ากว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 2 เป็นต้นไป และ (2) มูลค่าหลักประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 1 เป็นต้นไป
2. การผ่อนคลายนี้ให้เป็นการชั่วคราว สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 โดยมีเหตุผลว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันชะลอตัวต่อเนื่อง และยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้รับจากการหารือกับทั้งผู้ประกอบการในธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและสถาบันการเงินคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
อย่างไรก็ตาม แม้มาตรการดังกล่าวจะมาช้า แต่มาชัวร์ แม้จะไม่ทันงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 47 ที่ภาคเอกชนจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 20-23 มีนาคม 2568 ก็ตาม แต่ดีกว่าไม่มีมาตรการอะไรสนับสนุน และนับว่า นาทีนี้ธปท.กลายเป็นพระเอกในสายตา ผู้ประกอบการและภาคประชาชนในทันที
แต่ข้อเสีย ช่วงนี้คนซื้อบ้านจะชะลอการซื้อไปในเดือนพฤษภาคม 2568 รวมถึงการชะลอโอนกรรมสิทธิ์ เพื่อรอมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนองออกไป ทำให้ยอดขายในไตรมาสแรกอาจออกมาไม่ดีนัก
ประเมินว่า มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในวันที่ 27 มีนาคม หรือไม่ อาจยาวไปที่ต้นเดือนเมษายน ซึ่งจะใกล้เคียงกับมาตรการผ่อนเกณฑ์ LTV ในไตรมาส 2
แต่ทั้งนี้ ไม่แน่ชัดนักว่า ระหว่างมาตรการรัฐ กับ กำลังซื้อ และความเข้มงวดของสถาบันการเงิน รวมถึงตัวแปรเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในประเทศขยายตัวตํ่า จะฉุดการบริโภคลดลงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งบางครั้งมาตรการรัฐที่คิดว่าแรง อาจจะไม่แรงอย่างที่คิดก็เป็นได้ เพราะปัจจัยภายในภายนอกร้อนแรงยิ่งกว่า