ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผย ข้อมูลผู้ถือหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น "BCP" ณ วันที่ 14 มีนาคม 2568 พบการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โดย "กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง" ได้ขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 19.85% คิดเป็นจำนวน 273,172,600 หุ้น โดยมีการปรับโครงสร้างการถือหุ้น จากเดิมที่ถือแยกเป็นการถือครองโดยตรง 188,200,000 หุ้น (13.67%) และผ่าน บลจ.เอ็มเอฟซี และ บลจ.กรุงไทย อีกแห่งละ 42,486,300 หุ้น (3.09%) มารวมเป็นการถือหุ้นภายใต้ชื่อเดียวกัน
ขณะที่ "สำนักงานประกันสังคม" ถอยลงมาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ด้วยสัดส่วน 15.11% คิดเป็นจำนวน 208,114,497 หุ้น ลดลงจากเดิมที่ถือครอง 210,671,697 หุ้น หรือลดลง 2,557,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาดประมาณ 93.34 ล้านบาท (คำนวณที่ราคาหุ้นปิด 36.50 บาท ณ วันที่ 14 มีนาคม 2568) สะท้อนการปรับพอร์ตการลงทุน
อันดับ 3 "บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด" ถือครอง 190,956,603 หุ้น คิดเป็น 13.87% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ถือครอง 162,255,706 หุ้น หรือ 11.78% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 28,700,897 หุ้น คิดเป็นมูลค่าการลงทุนเพิ่มกว่า 1,047.58 ล้านบาท (คำนวณที่ราคาหุ้นปิด 36.50 บาท ณ วันที่ 14 มีนาคม 2568)
ที่สร้างความประหลาดใจให้แก่นักลงทุนคือการเปลี่ยนแปลงในอันดับ 4 ซึ่งมีทุนสิงคโปร์ "CGS INTERNATIONAL SECURITIES SINGAPORE PTE. LTD." โผล่ขึ้นมาถือครองหุ้นสูงถึง 67,046,315 หุ้น คิดเป็น 4.87% ของหุ้นทั้งหมด มูลค่าการลงทุนราว 2,447.19 ล้านบาท (คำนวณที่ราคาหุ้นปิด 36.50 บาท ณ วันที่ 14 มีนาคม 2568)
แซงหน้า "กระทรวงการคลัง" ซึ่งถอยลงไปอยู่อันดับ 5 ด้วยสัดส่วนเท่าเดิมที่ 4.76% หรือ 65,543,767 หุ้น
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ไม่พบชื่อ CGS INTERNATIONAL ในรายชื่อผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรก ซึ่งการเข้ามาอย่างฉับพลันด้วยสัดส่วนมากกว่ากระทรวงการคลังนั้นสร้างความฮือฮาในวงการพลังงาน
อันดับ 6 "THE BANK OF NEW YORK MELLON" ถือครอง 41,555,519 หุ้น คิดเป็น 3.02% ลดลงจากเดิมที่ถือครอง 51,075,800 หุ้น หรือ 3.71% ลดลงถึง 9,520,281 หุ้น มูลค่าประมาณ 347.49 ล้านบาท (คำนวณที่ราคาหุ้นปิด 36.50 บาท ณ วันที่ 14 มีนาคม 2568) สะท้อนการขายของนักลงทุนสถาบันต่างชาติ
อันดับ 7 "SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED" ถือครอง 28,540,398 หุ้น คิดเป็น 2.07% ลดลงจากเดิมที่ถือครอง 34,190,498 หุ้น หรือ 2.48% ลดลง 5,650,100 หุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 206.23 ล้านบาท (คำนวณที่ราคาหุ้นปิด 36.50 บาท ณ วันที่ 14 มีนาคม 2568) แสดงให้เห็นถึงการปรับพอร์ตลดการลงทุน
อันดับ 8 "บริษัท อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จำกัด" เข้ามาใหม่ในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรก ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 2.04% คิดเป็นจำนวน 28,059,000 หุ้น
อันดับ 9 "บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)" ถือครอง 20,000,000 หุ้น คิดเป็น 1.45%
อันดับ 10 "นางสาว แคทรียา บีเวอร์" ถือครอง 16,843,300 หุ้น คิดเป็น 1.22%
ทั้งนี้ ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 14 มีนาคม 2568 มีจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด 27,123 ราย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามองคือการนำหุ้นบางจากที่ถือโดยทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง ที่เดิมแยกรายงานเป็น 3 ส่วน แต่ปัจจุบันรวมเป็นผู้ถือหุ้นรายเดียวกัน รวมทั้งการโผล่ขึ้นมาของทุนสิงคโปร์ที่ถือหุ้นอันดับ 4 เหนือกระทรวงการคลัง ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางการลงทุนและการบริหารงานของบางจาก ในอนาคต