เมื่อพูดถึง "กองทรัสต์(REIT)" หรือ "กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์" หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า ทำไมชื่อของกองทรัสต์มักจะมีคำว่า "สิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์" ต่อท้าย?
คำถามนี้มีคำตอบที่น่าสนใจ เพราะกองทรัสต์ส่วนใหญ่จะมีการลงทุนในสิทธิการเช่าระยะยาวในอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ไม่ใช่การซื้อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินเหล่านั้นโดยตรง
นั่นหมายความว่า กองทรัสต์ไม่ได้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ แต่ได้สิทธิในการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และเมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่า ก็จะต้องส่งมอบอสังหาริมทรัพย์คืนให้แก่เจ้าของทรัพย์สิน
ดังนั้น การลงทุนใน REIT หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จึงไม่เหมือนกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์แบบตรงๆ แต่เป็นการลงทุนในสิทธิการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินในระยะยาว ที่ช่วยให้มีโอกาสสร้างรายได้จากค่าเช่าหรือผลตอบแทนที่ได้จากการบริหารจัดการทรัพย์สินแบบจำกัดเวลาโดยผู้ลงทุนไม่ต้องมีภาระในการดูแลอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง
สัญญาเช่าทรัพย์ ที่เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (มาตรา 537) มีข้อกำหนดสำคัญที่แบ่งออกเป็น 4 ลักษณะที่สำคัญ คือ
ซึ่งมีทั้งแบบการเช่าแบบระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี โดยทำเป็นหนังสือสัญญาเช่าและมีการลงลายมือ ชื่อรับทราบกันทั้งสองฝ่าย และการเช่าแบบระยะเวลาที่เกิน 3 ปี ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เนื่องจากหากเกิดกรณีที่ผู้เช่าทำผิดข้อเงื่อนไข สัญญานี้จะใช้เป็นเอกสารฟ้องร้องได้ เพราะหากมีหลักฐานเพียงหนังสือลงลายมือชื่อสองฝ่าย จะสามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้เพียง 3 ปี เท่านั้น
อย่างไรก็ดี โดยทั่วไปแล้วเมื่อสัญญาเช่าทรัพย์ถึงวันที่สิ้นสุดระยะเวลาของสัญญา ในการสิ้นสุดสัญญานั้น ผู้ให้เช่าไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้า และหากผู้ให้เช่าไม่ได้ทักท้วงอะไรกับผู้เช่าและผู้เช่ายังครอบครองทรัพย์ที่เช่าไว้ ก็จะถือว่าเป็นการต่อสัญญาเช่าใหม่อัตโนมัติ โดยมีข้อตกลงตามสัญญาเดิม แต่จะเป็นสัญญาเช่าไม่มีกำหนดเวลาเหมือนสัญญาฉบับเดิม เพราะยังไม่มีข้อตกลงเรื่องระยะเวลาใหม่
หมายความว่า ทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่าสามารถยกเลิกสัญญาได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล แต่จะต้องบอกให้อีกฝ่ายทราบก่อนถึงเวลาชำระค่าเช่าในระยะหนึ่งเท่านั้น กรณีนี้ สิ่งที่สำคัญคือทั้งสองฝ่ายควรตระหนักถึงการจัดการกับสัญญาใหม่ที่ไม่มีระยะเวลา เพราะการต่อสัญญาโดยอัตโนมัติอาจสร้างความไม่สะดวกหรือความเข้าใจผิดในภายหลังได้
ดังนั้น การทราบเงื่อนไขและการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการสิ้นสุดและการต่อสัญญาเช่าจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่าสามารถจัดการสถานการณ์ได้อย่างราบรื่นและเป็นธรรม
การทำสัญญาเช่าทรัพย์ จึงจำเป็นที่ต้องมีความชัดเจนในทุกประเด็นเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง โดยก่อนทำสัญญาเช่าทรัพย์ จึงต้องพิจารณาและระบุรายละเอียดต่าง ๆ ให้ครบถ้วน ซึ่งมี 11 ประเด็นสำคัญที่ควรมีในสัญญาเช่าทรัพย์ คือ
ดังนั้น สำหรับการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ของกองทรัสต์(REIT) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์(กองทุนรวม) จึงมีการเปิดเผยสรุปสาระสำคัญสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ข้างต้นในแบบแสดงรายการเสนอขายหน่วยทรัสต์ หนังสือชี้ชวน โดยมีที่ปรึกษากฎหมายของกองทรัสต์และกองทุนรวมตรวจสอบเงื่อนไขให้เป็นไปตามการค้าปกติ
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา กองทรัสต์และกองทุนรวมเริ่มมีการทยอยครบอายุสิทธิการเช่ากันบ้างแล้ว มีทั้งรูปแบบการระดมทุนเพื่อต่ออายุสัญญาเช่าระยะยาวในอสังหาริมทรัพย์ และการส่งคืนทรัพย์สินเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลง
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนเพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทนกับกองทรัสต์และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นประเภทสิทธิการเช่า จึงควรศึกษารายละเอียดที่สำคัญของข้อสัญญาเช่าทรัพย์นี้ รวมถึงรายงานประจำปี และผลการดำเนินงานรายไตรมาส ที่ผู้บริหารกองทุนเปิดเผยไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนเข้าลงทุน