“เศรษฐกิจไทย”หลังเลือกตั้งความท้าทายคนไทยและรัฐบาลใหม่

15 พ.ค. 2566 | 01:00 น.

จับตา“เศรษฐกิจไทย”หลังเลือกตั้งความท้าทายใหม่ของคนไทยและรัฐบาลใหม่ ม.หอการค้าแนะรัฐบาล เร่งฟื้นเศรษฐกิจในประเทศให้แข็งแรง ดึงนักลงทุน-คนต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายในประเทศ ชี้คนไทยยังกังวล “รัฐบาลจะมีเสถียรภาพหรือไม่”

นายธนวรรธน์ พลวิชัย  อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเลือกกตั้งเป็นจุดท้ายทายคนไทยและรัฐบาลใหม่มากเพราะถ้ามองในแง่บวกถ้ารัฐบาลที่มีนโยบายชัดเจนและมีการเมืองที่เข้มแข็ง หลังจากมีการเลือกตั้งรัฐบาล ประชาชนให้การสนับสนุนรัฐบาลใหม่ในการทำงาน สภามีความมั่นคง รัฐบาลสามารถดำเนินนโยบายอย่างชัดเจนและยั่งยืน ซึ่งหากรัฐบาลช่วยกันทำงาน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย  อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ

โดยดูว่านโยบายไหนที่จะต้องผลักดันเป็นอันดับแรกๆเป็นระบบ ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องงต้องทำแรกๆเลยคือการทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งโดยผ่านการสนับสนุนการท่องเที่ยว  ภาคการส่งออกที่เริ่มมีทิศทางที่ดีข้นตามเศรษฐกิจโลกที่ค่อยๆปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป

และการวางระบบสาธารณูปโภคต่างๆที่จะต้องทำให้ไม่ไปเพิ่มภาระกับประชนด้านด้านภาระต้นทุนค่าครองชีพที่ต้องไม่สูงมากเกินไป ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่รัฐบาลใหม่ต้องทำรวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในด้านการแข่งขันเพราะวินาทีนี้ต้องยอมรับว่าไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากประชากรคนไทยมีอัตราการเกิดเป็นลบ หมายความว่าขนาดของคนไทย จำนวนคนไทย กำลังซื้อของคนไทยจะลดลง ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลไทยต้องทำคือการใช้คนจำนวนที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นให้ตลาดนี้น่าสนใจและยิ่งใหญ่และทำให้คนไทยจำนวนแรงงานที่ลดลงสามารถที่ผลิตสินค้าและบริการให้มีจำนวนเท่ากับเท่าเดินหรือมากกขึ้นและให้มีคุณภาพสูงและจะต้องดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อมาถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อมาลงทุนในไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ

“เศรษฐกิจไทย”หลังเลือกตั้งความท้าทายคนไทยและรัฐบาลใหม่

และแน่นอนว่ารัฐบาลต้องคิดถึงการดึงดูดนักลงทุนและคนมาทำงานเมืองไทยที่เป็นชาวต่างชาตินอกจากจะเติมกำลังซื้อในประเทศ เพราะคนต่างชาติน่าจะมีกำลังในการใช้จ่ายปีละ5แสนบาทถึง1ล้านบาทต่อคนซึ่งจะช่วยให้กำลังซื้อในประเทศมากขึ้น  ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลต้องแก้ไขกฎระเบียนสร้างสาธารณูปโภคให้เข้มแข็งมั่นคงและมีอำนาจในการแข่งขันได้เพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันของไทย

และจะต้องเคลื่อนตัวไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมดิจิทัล  ธุรกิจบริการมากขึ้น คือสิ่งที่รัฐบาลต้องปรับตัวมากขึ้นในช่วง3-4ปีของรัฐบาล

“สิ่งที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยโตอย่างยั่งยืนคือการลดความเหลือมล้ำทางสังคม คือสิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือการส่งเสริมหัวเมืองต่างๆทั้งเมืองหลักและเมืองรองตามต่างจังหวัดให้มากขึ้น ส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงแหล่งเงินกู้มีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น และส่งเสริมธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะBCG คือธุรกิจทางด้านสุขภาพ ธุรกิจเศรษฐกิจหมุนเวียน ธุรกิจสีเขียวเพื่อทำให้สินค้าของไทยสอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่เน้นในเรื่องสิ่งแวดล้อม”

“เศรษฐกิจไทย”หลังเลือกตั้งความท้าทายคนไทยและรัฐบาลใหม่

อย่างไรก็ตามสิ่งที่คนไทยอย่างเห็นรัฐบาลชุดใหม่ทำและเชื่อว่าถ้ารัฐบาลชุดใหม่สามารถดำเนินการได้ตามนี้เศรษฐกิจไทยน่าจะโตอย่างเข้มเข็ง  แต่คำถามที่สำคัญของคนไทยต้องคิดคือเราจะมีรัฐบาลที่เข้มแข็งหรือไม่การเมืองจะเข้มแข็งหรือไม่ และเราจะมีรัฐบาลที่มีสเถียรภาพหรือไม่จะมีการประชุมนอกสภาหรือไม่  เราจะปรองดองกันได้หรือไม่ คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ท้าทายคนไทย”