การตั้งเป้าหมายเชิงนโยบายปั้มจีนเที่ยวไทย 9 ล้านคนของ รมว.ท่องเที่ยว เมื่อดูจากสถานการณ์ ณ วันนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เฉพาะแค่เป้าของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ที่ตั้งไว้ 8 ล้านคน ก็แทบจะต้องเข็นกันอยู่แล้ว แม้จะมีอนิสงค์เรื่องการยกเว้นวีซ่า (วีซ่าฟรี) ไทย-จีน
โดยเฉพาะหลังจาก “ซิงซิง” นักแสดงชาวจีน ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงไปเมียนมา หลังเดินทางเข้าไทย “จีนปล้นจีน” ทุนจีนสีเทา ทัวร์ศูนย์เหรียญ เรือล่ม ทำให้เกิดกระแส “ไทยไม่ปลอดภัย” ในโซเชียลจีนต่อเนื่อง ลามไปถึงการยกเลิกคอนเสิร์ตในไทยของ Eason Chan นักร้องดังชาวฮ่องกง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำลายบรรยากาศด้านการท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่มู้ดการเดินทางเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวจีนก่อนหน้านี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 16 ก.พ.2568 เดินทางเข้ามาไทยแล้ว 916,340 คน
แม้ผลกระทบจะเป็นช่วงระยะสั้น แต่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย ก็ยังมีความไม่แน่นอนสูง เพราะเมื่อเกิด ข่าวลบต่างๆขึ้น โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ และ สแกมเมอร์ ก็จะฉุดการชลอตัวของนักท่องเที่ยวจีนทันที
ดังนั้นการออกมาตรการตัดไฟและอินเตอร์เน็ตในเมียววดี เมียนมาร์ ของประเทศไทย ที่ต้องการกดดันให้เกิดผลกระทบจากกลุ่มสแกมเมอร์ ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธในการแก้ปัญหา เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ ซึ่งก็ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป เพราะเรื่องนี้ได้รับความสนใจจากคนจีนเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยท้าทายเรื่องของเศรษฐกิจจีนชลอตัว คาดว่าทั้งปี 2568 จีนมีแนวโน้มจะเดินทางมาเที่ยวไทยยังคงตํ่ากว่า 8 ล้านคน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 6.73 ล้านคน ยังไม่เติบโตเท่ากับก่อนโควิด-19 ที่ไทยเคยมีนักท่องเที่ยวสูงถึง 11 ล้านคน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าทั้งปี 2568 นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยจะมีจำนวน 7.5 ล้านคน เติบโต 11.4% จากปี 2567 หรือกลับมา 68% ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยในปี 2562 (11.1 ล้านคน)
ปัจจัยบวกในปี 2568 นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยเติบโตดีขึ้น จากมาตรการวีซ่าฟรี และแรงหนุนจากการที่ไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ
โดยจะเห็นได้ว่าราคาแพ็คเกจทัวร์และตั๋วโดยสารเครื่องบินจากจีนมาไทยไม่สูงเทียบกับหลายประเทศ ซึ่งราคาแพ็คเกจทัวร์มาเที่ยวไทยจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 หยวน ขณะที่ราคาตั๋วเครื่องบินมาไทยก็อยู่ประมาณพันกว่าหยวน ไม่เกิน 2,000 หยวน
ดังนั้นอย่างไรก็ตาม ปี 2568 คาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยก็ยังเติบโต และไทยจะยังเป็น 1 ในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่คนจีนเดินทางท่องเที่ยวมากที่สุด
แต่การเร่งขึ้นของคนจีนเที่ยวไทยไม่ง่าย จาก 4 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ประเด็นเรื่องความปลอดภัย เศรษฐกิจจีนและค่าเงินหยวนผันผวน การแข่งขันดึงนักท่องเที่ยวจีน เทรนด์นักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไป
ปัจจัยที่ 1 คือ ภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย เป็นประเด็นที่ทางการไทยควรเร่งฟื้นความเชื่อมั่นในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบระยะยาว แม้ประเทศไทยยังคงเป็น 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน
แต่จากผลสำรวจพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีนโดย Oliver Wyman มองว่าประเทศไทยซึ่งเป็นที่นิยมมายาวนาน กลับได้รับความนิยมลดลง เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนมีความกังวลด้านความปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้น สะท้อนได้จากกรณีที่เกิดขึ้นกับดาราจีนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้คนจีนมีการยกเลิกการเดินทางมาเที่ยวในไทย หรือมองหาจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวใหม่
ปัจจัยที่ 2 เศรษฐกิจจีนมีความเสี่ยงจากสงครามการค้า กำลังซื้อชาวจีนบางกลุ่มยังไม่ฟื้นตัว และค่าเงินหยวนที่ผันผวนในทิศทางอ่อนค่า ทำให้ในปี 2568 ทิศทางการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของคนจีนอาจยังไม่กลับสู่ระดับก่อนโควิดปี 2562 (จำนวน 155 ล้านทริป)
คนจีนจะมีการเปรียบเทียบจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับงบประมาณ ซึ่งก็อาจมีผลต่อการเดินทางมาท่องเที่ยวที่ไทย โดยในช่วงที่ผ่านมา ประเทศที่มีค่าเงินที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินหยวนมีอัตราการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนดีกว่าไทยที่มีค่าเงินแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินหยวน
ทิศทางค่าเงินหยวนเทียบกับสกุลเงินในประเทศที่นักท่องเที่ยวจีน เดินทางไป ณ วันที่ 19 มกราคม 2568 จะพบว่าถ้าแลกเงินมาไทย หยวน/บาท จะแข็งค่าอยู่ที่ 3.3% เทียบกับญี่ปุ่น หยวน/เยน อ่อนค่าอยู่ที่ 6.3 % เทียบกับเกาหลีใต้ หยวน/วอน อ่อนค่าอยู่ที่ 9.5 % ทำให้คนจีนเดินทางไปญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ จะได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงกว่า
ปัจจัยที่ 3 การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวที่สูง สะท้อนได้จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนในหลายประเทศดีกว่าไทย และในปี 2567 ประเทศญี่ปุ่นมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสูงกว่าไทยแล้ว
โดยปี 2567 เทียบกับก่อนเกิดโควิด นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวญี่ปุ่นมีจำนวนมากกว่าไทย และหลายประเทศมีการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนดีกว่าไทย ซึ่งในปีที่ผ่านมาคนจีนเที่ยวไทย 6.73 ล้านคน เติบโต 60.4 % มีคนจีนไปเที่ยวญี่ปุ่น 6.98 เติบโต 72.8 %
อีกทั้งการฟื้นตัวของจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศจีนไปยังประเทศต่างๆเทียบปี 2567 และปี 2562 ยังพบว่า เที่ยวบินเข้าญี่ปุ่นฟื้นตัว 78.9 % เข้าไทยฟื้นตัว 71.2 %
ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา หลายประเทศใช้นโยบายวีซ่าฟรีเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน ข้อมูลจาก VisaIndex พบว่า มี 44 ประเทศที่คนจีนสามารถเดินทางไปเที่ยวโดยไม่ต้องขอวีซ่า และ 36 ประเทศที่สามารถขอวีซ่าได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางสะดวกและมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น
ปัจจัยที่ 4 การเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไป ความต้องการที่หลากหลาย ประกอบกับสื่อสังคมออนไลน์มีผลต่อการเลือกจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว ทำให้การเจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนไม่ใช่เรื่องง่าย
การเดินทางท่องเที่ยวของคนจีนมีการปรับเปลี่ยนไปมากหลังโควิด เทรนด์สำคัญ อาทิ การเดินทางท่องเที่ยวเอง หรือกรุ๊ปทัวร์ขนาดเล็ก ซึ่งมีความคล่องตัวในการท่องเที่ยว ระยะเวลาการตัดสินใจวางแผนเดินทางท่องเที่ยวประมาณ 1 เดือน (ผลจากมาตรการวีซ่าฟรี) มองหาจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ระหว่างท่องเที่ยวอย่างแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
สะท้อนได้จาก การเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวรองๆ อย่างจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวกาตาร์เติบโตกว่าปี 2562 หรือสายการบินระหว่างจีนกับประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวรองๆ เพิ่มขึ้น
อีกทั้งจากข้อมูลของ Dragon Trial พบว่า การจองทริป หรือการค้นหาข้อมูลของนักท่องเที่ยวจีนมีความหลากหลายและแนวโน้มไปยังตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือจะเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังพบว่าการออกมาตรการวีซ่าฟรีไทย-จีน ยังส่งผลให้คนไทยเดินทางไปเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้รายงานว่า ในปี 2567 เมืองเซี่ยงไฮ้ต้อนรับนักท่องเที่ยวขาเข้ากว่า 6.7 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 84 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การเติบโตที่สูงของการท่องเที่ยวนี้ มีสาเหตุสำคัญมาจากการผ่อนปรนนโยบายวีซ่าของจีน ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นและส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวในเซี่ยงไฮ้
โดยประเทศไทยเป็นตลาดนักท่องเที่ยวขาเข้าที่เติบโตเร็วที่สุด ในช่วงปี ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวไทยจำนวน 301,900 คน เพิ่มขึ้นถึง 345.16 % เมื่อเทียบปีต่อปี ในส่วนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซียและอินโดนีเซีย ติดอันดับตลาดจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตเร็วที่สุดในอันดับ 2-3
ขณะที่เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ยังคงเป็นตลาดต้นทางขนาดใหญ่ที่มีจำนวนผู้เดินทางขาเข้ามากที่สุด จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวขาเข้าจากต่างประเทศ ไม่เพียงแต่เมืองเซี่ยงไฮ้ แต่ยังรวมถึงเมืองอื่น ๆ เช่น ปักกิ่ง เซินเจิ้น และกว่างโจว ซึ่งถือเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเลือกเดินทางไปมากที่สุดในปีนี้
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,070 วันที่ 13 - 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568