“ภาคเอกชน”เรียกร้องเร่งตั้ง“รัฐบาลใหม่”โดยเร็ว

14 พ.ค. 2566 | 17:30 น.

“ภาคเอกชน”เรียกร้องเร่งตั้งรัฐบาลใหม่ มีเสถียรภาพ เพื่อเร่งลงมือฟื้นฟูเศรษฐกิจ ไม่สร้างความขัดแย้งในอนาคต “หมอบุญ” ชี้ถ้าตั้งรัฐบาลไม่ได้ทุกอย่างจะชะงัก โดยเฉพาะการลงทุน รวมถึงความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ : รายงานหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3887

ภายหลังผ่านพ้นการลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 ไปแล้ว ภาคเอกชนมีความต้องการอยากเห็นการจัดตั้ง “รัฐบาลใหม่” เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อเร่งแก้ปัญหาของประเทศ โดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 

นพ.บุญ วนาสิน ประธานที่ปรึกษา รพ.ธนบุรีบำรุงเมือง ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” มองไกลถึงการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง 2566 ว่า ภายหลังการเลือกตั้งสิ่งที่กลัวมากที่สุดคือ การให้ใบแดง (ตัดสิทธิผู้ชนะการเลือกตั้ง ส.ส.) จะมีประมาณ 30 ใบ เพราะฝั่งอนุรักษ์นิยม คะแนนตกลง  ใบแดงก็ต้องเพิ่มขึ้น แต่ที่กลัวมากที่สุดคือเรื่อง “ยุบพรรค” แต่ย้ำว่า ต้องมีเลือกตั้ง ไม่มีไม่ได้ จะเกิดปัญหาเยอะแน่

แต่ปัญหาคือ คนอยากได้รัฐบาลเร็วๆ ภาคเอกชนต้องโวยวายแน่  ถ้ารัฐบาลตั้งไม่ได้ ทุกอย่างจะหยุดหมด รวมทั้งการลงทุน แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ความเชื่อมั่นของต่างประเทศ เพราะสถานทูตแทบทุกแห่งถามตลอดเวลาว่าหลังเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร 

“รัฐบาลเสียงข้างน้อยรับได้ไหม เพราะคนของเขาก็ถามมาที่สถานทูตว่า ถ้าการเมืองไม่นิ่งก็เหมือน 4 ปีแรกของรัฐบาลบิ๊กตู่ ที่ต่างชาติไม่ยอมรับไม่มาลงทุน  พอโมเมนตัมนานไป มันจะยิ่งดึงยาวไปเลย ทำให้เวียดนามเกิดได้ อันนี้สำคัญคนไม่ค่อยรู้” นพ.บุญ ระบุ

อย่างไรก็ตาม นพ.บุญ มองว่า ในช่วง 3 เดืน ถ้าไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็ยืดไปเป็น 5 เดือน 8 เดือน โดยยกตัวอย่าง ในยุโรปยังมีถึง 9 เดือน ในการจัดตั้งรัฐบาล เช่น  ในประเทศอิตาลี ไม่สนใจ เพราะเอกชนแข็งแรงมาก ประเทศไต้หวันก็มีต่อยกันในสภา แต่เอกชนเขาแข็งแรง เขาอยู่ได้ แต่บ้านเราไม่ต้องใช้เวลาขนาดนั้น

เมื่อถามคิดว่าฝั่งเสรีนิยม กับ อนุรักษ์นิยม หากขึ้นมาเป็นรัฐบาล ฝั่งไหนส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศไทย ประธานที่ปรึกษา รพ.ธนบุรีบำรุงเมือง ตอบว่า “บ้านเราเป็นวงจรอุบาทว์ระหว่างรถทหารกับรถขนขยะ ผมไม่ได้หวังรัฐบาลเลย ใครขึ้นมาก็เหมือนกันหมด กรรมคือ ประชาชนไทย  เพราะฉะนั้นต้องกระจายอำนาจก่อน และเน้นการศึกษาให้มากๆ

เมื่อถามว่านายกฯในอุดมคติคือใคร นพ.บุญ กล่าวว่า “มีเยอะ เช่น อดีตนายกฯ สิงคโปร์ ลี กวน ยู แต่คุณสมบัตินายกฯ ที่ผมอยากได้ ตอนนี้ไม่มี  ยังหาไม่เจอ”

นพ.บุญ ยังกล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ และประกาศจะกลับบ้านมาเลี้ยงหลานในเดือนกรกฎาคม 2566 นี้ว่า “ไม่ยอมกลับประเทศไทย ตามที่ลั่นวาจาไว้ เพราะกลับมาติดคุกแน่นอน 100 % ถ้ากรณีขอพระราชทานอภัยโทษ ต้องมีการรับโทษก่อน แล้วจะต้องรับโทษมาไม่น้อยกว่า 8 ปี หรือ เป็นจำนวน 1 ใน 3  หรือในกรณีการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการส่วนตัว เป็นพระราชอำนาจ” 

ตั้งรัฐบาลเร็ว-มีเสถียภาพ

ขณะที่ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ว่า ในมุมมองภาคเอกชนไม่กังวลว่า จะเป็นรัฐบาลพรรคเดียว หรือ รัฐบาลผสมหลายพรรค ที่ผ่านมาก็เคยมีรัฐบาลผสมสามารถบริหารประเทศไปได้ เพราะนโยบายของแต่ละพรรคใกล้เคียงกันขับเคลื่อนในทิศทางเดียวกันได้

“สิ่งสำคัญที่สุด อยู่ที่การจัดตั้งรัฐบาลที่รวดเร็ว เป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และไม่สร้างความขัดแย้งในอนาคต” 

นายสนั่น ยังกล่าวถึงคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีว่า ควรต้องเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการความท้าทาย และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศ มีวิสัยทัศน์ และเป้าหมายชัดเจน ให้ไทยแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน สามารถดึงสรรพกำลังทุกภาคส่วน เชื่อมโยงการทำงานให้ไปในทางเดียวกัน มีทีมงานสนับสนุน ที่สำคัญสามารถทำงานร่วมกับทุกพรรคไปขับเคลื่อนและปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม

ส่วนในเวทีโลก นายกฯ ที่อยากเห็น ต้องสามารถกำหนดจุดยืนและบทบาทของประเทศอย่างชัดเจน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่จำเป็นต้องเร่งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ รวมทั้งต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นรอบด้านสร้างการมีส่วนร่วมในสังคม เพื่อลดความขัดแย้ง และนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีเสถียรภาพ

อยากได้รัฐบาลพรรคเดียว

เช่นเดียวกับ นายไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ประธานคณะกรรมการ สยามพาร์คซิตี้กรุ๊ป แสดงความเห็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อยากได้รัฐบาลพรรคเดียว ถ้าผสมก็ไม่อยากให้เกิน 2 พรรค เพราะว่าการที่มีรัฐบาลพรรคเดียว การแก้ไขปัญหาต่างๆ จะรวดเร็วขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีพรรคเดียวกันก็ยังมีปัญหาที่ต้องถกเถียงกันในขั้วเดียวกันเลย แต่ถ้ามีหลายพรรคปัญหายุ่งยากจะเกิดขึ้น ทำให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หรือ ปัญหาปากท้องอื่นๆ จะเป็นไปคนละทิศละทาง ไม่เรียบร้อย ถ้าได้พรรคเดียวดีที่สุด หรืออย่างน้อยสัก 2 พรรคก็พอไปไหว 

“นายกฯ คนใหม่ ควรมีคุณสมบัติที่กล้าหาญชาญชัย สามารถตัดสินใจได้เด็ดเดี่ยว เพราะเศรษฐกิจตอนนี้ตกต่ำไปมาก แล้วบ้านเมืองย่ำแย่มา 8-9 ปีแล้ว การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของเราจะช้าไม่ได้แล้ว เพราะเดี๋ยวนี้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้แก้เฉพาะภายในประเทศ”

ประธานคณะกรรมการ สยามพาร์คซิตี้กรุ๊ป ย้ำว่า การแก้ปัญหาตอนนี้ต้องทั่วโลก ต้องรวมกัน มองปัญหาในประเทศและต่างประเทศเป็นหลัก ปัญหาเศรษฐกิจโลกยิ่งย่ำแย่อยู่ แล้วภายในก็แย่หนักอยู่แล้วด้วย ทำให้การแก้ปัญหาความยากและซับซ้อนยิ่งขึ้น 

“เราจึงต้องได้รัฐบาลที่ใจถึง แล้วต้องมีปัญญาเข้มแข็ง และต้องสามารถแก้ปัญหาระหว่างในประเทศและต่างประเทศได้ เพราะว่าตอนนี้โลกกำลังร้อนฉ่าอยู่” นายไชยวัฒน์ ระบุ

                             “ภาคเอกชน”เรียกร้องเร่งตั้ง“รัฐบาลใหม่”โดยเร็ว

ผู้นำที่ดีควรมี 3 เก่ง 

ส่วน ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ชี้ว่า โอกาสได้รัฐบาลผสมมีความเป็นไปได้สูง แต่รัฐบาลต้องทำงานเพื่อประโยชน์ชาติมากกว่าส่วนตน และบูรณาการระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่จะครบรอบ 100 ปีประชาธิปไตยในปี 2575

ทั้งนี้ ผู้นำที่ดีควรมี 3 เก่ง ในแต่ละด้าน คือ 1. เก่งคิด เป็นนักคิดกลยุทธ์ และพัฒนาตลอดเวลา 2. เก่งทำ เมื่อคิดแล้วต้องสามารถขับเคลื่อนในการทำงานให้เกิดผลสำเร็จ และ 3. เก่งคน จะต้องทำงานร่วมกันกับทุกฝ่ายแบบไร้รอยต่อ ขจัดความขัดแย้งต่างๆ

ขอมุ่งเน้นเศรษฐกิจ

ขณะที่ นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า รัฐบาลหลังเลือกตั้งไม่ว่าจะสูตรไหนก็รับได้ หากเป็นไปตามครรลอง โดยไม่เพียงเพ่งเล็งที่คนใดคนหนึ่ง แต่ต้องมีทีมที่เข้ามาเพื่อมุ่งรับใช้ชาติเป็นหลัก และแก้ปัญหา มุ่งเน้นเรื่องของเศรษฐกิจ และการขับเคลื่อนประเทศทั้งองคาพยพ

ที่ผ่านมาไทยโดนเบรกมานานจากการระบาดเชื้อโควิด-19 แต่ตอนนี้เรากลับไปอยู่ในจุดที่ได้เปรียบทางการแข่งขัน อยู่ที่การสร้างจุดขายให้ชัดเจน สามารถแข่งขันในเวทีโลก ทำประเทศให้ดึงดูดคนมาลงทุน ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว ดึงบุลคากรที่มีคุณภาพเข้ามาอยู่ ทำให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

“ความโชคดีของประเทศไทยคือ กำลังจะมีรัฐบาลใหม่ ที่มาหลังจากที่ไม่มีโควิดแล้ว ทำให้เชื่อว่าจะสามารถพลิกฟื้นประเทศ พลิกฟื้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้องประชาชนได้ทันที” นางสาววรลักษณ์ กล่าว

หนุนพรรคชนะตั้งรัฐบาล

ฝากความเห็นของฝ่ายการเมืองเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่นั้น นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า การจะไปจับมือกับพรรคการเมืองใดหลังการเลือกตั้งนั้น ยืนยันว่า จะสนับสนุนพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 

“ต้องให้เกียรติเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน เพื่อให้เป็นไปตามทำนองคลองธรรมของระบบประชาธิปไตย และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของเสียงส่วนใหญ่ประชาชน ที่ลงคะแนนเลือกตั้งมาแล้ว” นายสุวัจน์ ระบุ