KEY
POINTS
สัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นไทยหากดูโดยภาพรวมจะเห็นว่า ดัชนียังคงไม่ได้ดีแต่หากไปดูเนื้อในจะพบว่า ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากปัญหาหุ้นรายตัวที่เลือดยังไม่หยุดไหล ไม่ว่าจะเป็นการเปิดสัปดาห์ด้วย DELTA AOT หรือต่อด้วย ประเด็น ADVANC GULF INTUCH TRUE
โดยกลุ่ม ICT หากให้หาสาเหตุโดยไม่นับ TRUE ที่มีผลประกอบการออกมาต่ำกว่าคาดมากเนื่องจากมีการใส่ one time expense เข้ามา (หากหักส่วนนี้ผลประกอบการออกมาโอเค) กลุ่ม GULF INTUCH ก็น่าจะเกิดจากการปรับพอร์ตของกองทุนเพื่อเตรียมการควบรวมที่จะเริ่มมีการหยุดเทรดเดือนหน้า
ส่วน DELTA AOT ต่างเกิดจากปัจจัยเฉพาะตัว
เริ่มจาก AOT ที่ปัญหาเกิดจากความกังวลสภาพคล่องของ king power จนทำให้นักลงทุนกลัวว่าจะกระทบรายได้ หากเราตั้งต้นว่าโดยปกติแล้ว รายได้ของ AOT จะถูกแบ่งเป็นครึ่งต่อครึ่ง จากรายได้ที่เกี่ยวกับการบินและรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบิน แน่นอนว่ารายได้ที่คนกังวลจากปัญหานี้เกิดจากฝั่งที่ไม่ใช่การบิน คำถามต่อมาก็คือแล้ว รายได้จากส่วน King Power นั้นอยู่ที่เท่าไหร่ของฝั่งที่ไม่ใช่การบิน
50% ของรายได้มาจากส่วนที่ไม่ใช่การบิน และ 35% จาก 50% นั้นคือรายได้ส่วนสัมปทานที่มี king power รวมอยู่ด้วย และ 50% จาก 35% อีกทีคือรายได้โดยประมาณที่ได้จากส่วนนี้ พูดง่ายๆ ก็คือประมาณ 15-20% คือส่วนที่ได้รับผลกระทบ
ตัดมาดูเชิง Valuation ว่า ถ้าเราลดรายได้สัดส่วนตรงนี้ไปอย่างน้อยครึ่งนึงจะทำให้รายได้ AOT ปี 2025 โตแค่ประมาณ 10-15% ซึ่งถ้าเราคำนวนโดยใช้ P/E ที่ 35 เท่าซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ 37.5 เท่าโดยประมาณ ราคาที่ควรจะเป็นจะอยู่ที่ 53.75 บาท หรือ 24% มากกว่าราคาปัจจุบัน
ส่วนตัวต่อมา DELTA ที่รายงานผลประกอบการออกมาแย่กว่าที่ consensus คาดการณ์ถึง 60% โดยยังมีปัญหาหลักๆ 2 อย่างที่ทำให้คนกลัว ได้แก่ การที่ต้องจ่ายค่า royalty fee ให้บริษัทแม่ที่ไต้หวันที่มากขึ้น รวมไปถึงการที่โดนคดีฟ้องร้องที่มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นไปแล้ว 1 พันล้านนั้น ทำให้คนกลัวภาพที่ไม่ชัดว่าจะมีผลกระทบต่อราคาหุ้นได้อีกมากน้อยแค่ไหน
แต่อยากให้ลองนึกภาพกรณีที่แย่ โดยตั้งสมมุติฐานว่า 2025 รายได้ DELTA ไม่โตเลย กำไรเท่ากับปี 2024 ที่ผ่านมา ถ้าเราให้
P/E 70x Fair Price = 108.5
P/E 75X Fair Price = 116.25
P/E 80x Fair Price = 125.0
P/E 88.5 เมื่อปีที่แล้วที่เคยอยู่ Fair Price = 137.25
หากลองดูกับราคาปัจจุบันนี้จะเห็นว่าที่ราคาต่ำ 100 หากดูเชิงพื้นฐานจะเห็นว่า Downside น้อยกว่า Upside
ถ้าเราบวกปัจจัยทางเทคนิคเข้าไป
ตามรูป Time Frame ระยะสัปดาห์จะเห็นว่า บริเวณ 70-80 เป็นแนวรับที่สำคัญ
สิ่งเดียวที่ต้องคิดก็คือ การที่เมื่อคืนวันศุกร์หุ้นสหรัฐลบเยอะ ก็ต้องมาดูว่า SET จะหาจุดต่ำสุดเจอในสัปดาห์นี้ได้หรือไม่ และเลือดจะหยุดไหลได้หรือยัง