โดนัลด์ ทรัมป์ ยกระดับการโจมตีประธานาธิบดียูเครน วโลดีมีร์ เซเลนสกี อีกครั้ง โดยโพสต์ข้อความใน X (Twitter เดิม) กล่าวหาว่า เซเลนสกีใช้ทักษะการเป็นอดีตนักแสดงตลก "เล่นงาน" สหรัฐฯ ให้ส่งเงินช่วยเหลือถึง 350,000 ล้านดอลลาร์ไปทำสงครามที่ "ไม่มีทางชนะ และไม่ควรเกิดขึ้น" พร้อมเหน็บแนมว่าสงครามนี้สำคัญต่อยุโรปมากกว่าสหรัฐฯ แต่กลับเป็นวอชิงตันที่ทุ่มงบประมาณไปมากกว่าประเทศในยุโรปถึง 200,000 ล้านดอลลาร์
ทรัมป์ยังกล่าวหาว่าเซเลนสกีไม่ยอมจัดการเลือกตั้ง แม้คะแนนนิยมในยูเครนจะลดลงอย่างหนัก พร้อมอ้างว่าผู้นำยูเครนยอมรับว่า "เงินช่วยเหลือครึ่งหนึ่งสูญหายไป" พร้อมเตือนเซเลนสกีว่า "ถ้าไม่รีบเจรจาสงบศึก ยูเครนอาจไม่มีประเทศให้ปกครองอีกต่อไป" และย้ำว่า รัฐบาลทรัมป์เป็นฝ่ายเดียวที่สามารถยุติสงครามได้ ขณะที่โจ ไบเดน และยุโรป "ล้มเหลวในการสร้างสันติภาพ"
โพสต์ของทรัมป์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่เขามีการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าสหรัฐฯ อาจกำลังปรับนโยบายไปในทิศทางที่เป็นมิตรกับรัสเซียมากขึ้น รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ออกมาสนับสนุนท่าทีของทรัมป์ โดยระบุว่า "สหรัฐฯ กำลังเริ่มรับฟังข้อเสนอของรัสเซีย แทนที่จะปฏิเสธเหมือนที่ผ่านมา"
ทรัมป์เองเคยแสดงท่าทีสนับสนุนปูตินมาก่อน ตั้งแต่การเรียกปูตินว่า "อัจฉริยะ" หลังเริ่มบุกยูเครนในปี 2565 รวมถึงการตั้งคำถามถึงบทบาทของนาโต้และยุโรปในการรับมือรัสเซีย ความเห็นดังกล่าวตอกย้ำแนวทาง "อเมริกาต้องมาก่อน" ที่มองว่าผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ควรมาก่อนสงครามในยุโรป
คำพูดของทรัมป์สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ฝ่ายเดโมแครตออกมาตอบโต้ทันที โดย ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา กล่าวว่าการที่ทรัมป์โทษยูเครนแทนรัสเซียเป็นเรื่อง "น่ารังเกียจ" และ "เป็นการสนับสนุนเผด็จการปูตินโดยตรง" ขณะที่ ส.ว.จอห์น เคนเนดี จากพรรครีพับลิกัน แม้จะสนับสนุนทรัมป์ แต่ก็ออกมาปฏิเสธแนวคิดที่ว่ารัสเซียไม่ใช่ฝ่ายผิด
ฝั่งยูเครนเอง เซเลนสกีออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยยืนยันว่ารัสเซียเป็นฝ่ายรุกราน และการช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นเรื่องของ "ขบวนรถไฟแห่งผลประโยชน์" อย่างที่ทรัมป์กล่าวหา นักวิเคราะห์ชี้ว่า ท่าทีแข็งกร้าวของทรัมป์อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและเคียฟตึงเครียดขึ้นไปอีก
นอกจากยูเครนแล้ว พันธมิตรยุโรปก็เริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวทางของทรัมป์ โดย คายา คัลลัส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เตือนว่า "รัสเซียพยายามแบ่งแยกเรา และสหรัฐฯ ไม่ควรเดินเข้าสู่กับดักนี้" พร้อมเรียกร้องให้วอชิงตันสนับสนุนยูเครนอย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหารของทรัมป์ยังแสดงความไม่พอใจต่อยูเครนเกี่ยวกับข้อตกลงให้สหรัฐฯ เข้าถึงทรัพยากรแร่หายากในประเทศ ซึ่งยูเครนปฏิเสธเพราะมองว่าเป็นข้อตกลงที่เอื้อผลประโยชน์ให้สหรัฐฯ มากเกินไป ความขัดแย้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าสงครามในยูเครนไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการทหาร แต่ยังเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของชาติมหาอำนาจ
แม้ว่าทรัมป์จะยืนยันว่าเป้าหมายของเขาคือการยุติสงคราม แต่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าวิธีของเขาอาจทำให้รัสเซียได้เปรียบ และอาจเปลี่ยนสมดุลอำนาจในยุโรปไปตลอดกาล
อ้างอิง: BBC, New York Times, The Guardian, AP News