บริษัทในเมืองคูเปอร์ติโน (Cupertino) รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ยื่นรายงานจำนวน 8 ฉบับไปยังรัฐ เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศการปรับและฝึกอบรมพนักงาน หรือ Worker Adjustment and Retraining Notification (WARN) โดยบริษัทต่างๆ จะต้องยื่นรายงานไปยังหน่วยงานของรัฐในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งรวมไปถึงพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้าง
Apple ได้มีการยื่นรายงานต่อแผนกพัฒนาการจ้างงานของรัฐแคลิฟอร์เนีย ถึงการเลิกจ้างพนักงานมากกว่า 600 คน หลังจากที่ตัดสินใจยกเลิกโครงการรถยนต์และแผนพัฒนานวัตกรรม Smartwatch
ทั้งนี้ พนักงานไม่น้อยกว่า 87 คนที่ทำงานในสำนักงานที่สอดคล้องกับโรงงานเฉพาะของ Apple ที่ใช้ในการพัฒนาหน้าจอเจเนอเรชันถัดไป และทีมที่เกี่ยวข้องกับโครงการรถยนต์ด้วยเช่นกัน
โดย Apple ได้เริ่มยุติ 2 โครงการริเริ่มดังกล่าวไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโครงการที่ถูกมองว่าเป็นความพยายามครั้งใหญ่ในการพัฒนาเทคโนโลยีของบริษัท และเป็นการเข้าสู่พื้นที่แหล่งใหม่ที่มีขนาดใหญ่
โครงการรถยนต์ถูกยกเลิกท่ามกลางความไม่แน่ใจในหมู่ผู้บริหารเกี่ยวกับทิศทางและความกังวลด้านต้นทุน จึงถูกปิดลง เนื่องจากประสบความท้าทายด้านวิศวกรรม ซัพพลายเออร์ และต้นทุน
พนักงานที่สำนักงานที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์หลักของ Apple ในซานตาคลารา (Santa Clara) แคลิฟอร์เนีย จำนวน 371 คน ได้รับการเลย์ออฟ ขณะที่พนักงานในสำนักงานย่อยหลายแห่งอีก 10 คน ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน รวมถึงในบางกรณียังมีสมาชิกของกลุ่มรถยนต์ Apple ถูกโยกย้ายไปประจำทีมอื่น อาทิ การทำงานด้านปัญญาประดิษฐ์หรือการทำงานเกี่ยวกับหุ่นยนต์ส่วนบุคคล
โฆษกของ Apple ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับจำนวนพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการลดตำแหน่งงาน ซึ่งในประกาศของ Worker Adjustment and Retraining Notification (WARN) ไม่ได้เปิดเผยขอบเขตทั้งหมดของการปรับลดตำแหน่งงาน เนื่องจาก Apple มีวิศวกรจำนวนมากที่ร่วมอยู่ในทั้ง 2 โครงการในพื้นที่อื่นๆ รวมถึงรัฐทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างแอริโซนา (Arizona) ด้วย