เทคโนโลยีกำลังมีช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ในปี 2024 อย่าง "Nvidia" ที่ทำสิ่งที่เหนือการคาดการณ์ โดย บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก มียอดมูลค่าตลาดแตะระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 72 ล้านล้านบาท กลายเป็นความสำเร็จใหม่ในการทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ขณะเดียวกันกระแสปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ก็ยังคงเฟื่องฟู ตลาด NASDAQ ที่มีความใหญ่เป็นลำดับที่ 2 ของสหรัฐฯ ที่เน้นเทคโนโลยี โดยดัชนีเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 8 เมื่อเทียบเป็นรายปี
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ทำได้ดี โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 353,000 ตำแหน่งในเดือนมกราคม ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ ข้อมูลเงินเฟ้อที่ร้อนแรงเกินคาดอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้ทันทีที่ตลาดคาดหวัง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งพอที่จะรองรับนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นได้นานขึ้น
แต่นี่เป็นเรื่องที่แตกต่างสำหรับคนทำงานในภาคเทคโนโลยี
จำนวนการเลิกจ้างในภาคเทคโนโลยีในปี 2567 แซงหน้าจำนวนการเลิกจ้างในปี 2566 จนถึงขณะนี้ มีพนักงานด้านเทคโนโลยีประมาณ 42,457 คนถูกปลดออกในปี 2567
ตามข้อมูลของ Layoffs.fyi ซึ่งติดตามการเลิกจ้างในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะมีการเลิกจ้างมากกว่า 780 คนในแต่ละวันในปี 2567 และในปี 2566 พนักงานด้านเทคโนโลยีเกือบ 263,000 คนถูกเลิกจ้าง โดยเฉลี่ยประมาณ 720 คนต่อวันในปีนั้น
มีหลายปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังของการเลิกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี AI ขึ้นมาอยู่ในระดับแนวหน้า บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องเพิ่มการลงทุนในชิปและเซิร์ฟเวอร์ที่ขับเคลื่อนโมเดล AI ที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้ ตลาดหุ้นก็มีผลกระทบด้วย บริษัทที่เลิกจ้างยังไม่ถูกตรวจสอบว่าดำเนินการผิดกฎระเบียบจากเหล่านักลงทุน หรือเเม้เต่ผลกำไร ในความเป็นจริงบริษัทเทคฯ มีราคาหุ้นที่สูงขึ้นด้วยซ้ำ