นับเป็นโอกาสที่ดีเหนือความคาดหมายเมื่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติเป็นเอกฉันท์ 6 ต่อ 1 เสียง ให้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.25% เป็น 2.00% ต่อปี โดยให้มีผลทันที หลังจากมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งสุดท้าย (อยู่ที่ 2.25%) มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567อย่างไรก็ดีแม้ช่วยลดภาระต้นทุนผู้ประกอบการและผู้ผ่อนบ้านแต่ในระยะยาวหากสถาบันการเงินยังเข้มงวดสินเชื่อมองว่าน่าจะกระทบต่ออุตสาหกรรมในภาพรวมตามมา
อสังหาฯต้นทุนลดจับตาทุนไหลออก-แบงก์ยังเข้มปล่อยกู้
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ สะท้อนว่า การลดดอกเบี้ยนโยบายลงของกนง. แม้เป็นเรื่องที่ดีตามข้อเสนอของผู้ประกอบการที่มีต่อธปท. แต่ในภาพรวมการปรับลดต้องพิจารณา และดูดอกเบี้ยนโยบายของประเทศหลัก ๆ ด้วย ซึ่งข้อเสียที่จะตามมาจากการลดดอกเบี้ยคือ เงินทุนต่างประเทศจะไหลออก จากอัตราดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนไม่จูงใจ ขณะเดียวกัน มองว่าระยะยาวไม่มีผลมากนักเนื่องจากสถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อ
นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายถือเป็นสัญญาณบวกต่ออุตสาหกรรมอสังหาฯ ต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการจะลดลง ประชาชนจะขอสินเชื่อเพิ่มขึ้น สามารถกระตุ้นการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้น เนื่องจากผลตอบแทนจากตราสารหนี้ลดลง ทำให้นักลงทุนอาจหันไปลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น
นายสุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้า หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย มองว่า กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้ จะช่วยสร้างบรรยากาศหรือกระตุ้นให้การซื้ออสังหาริมทรัพย์มีความคึกคักมากขึ้น และรอธนาคารประกาศลดดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง
หากไม่ลดช่วงนี้จะช้าเกินไป
นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) สะท้อนว่าการลดดอกเบี้ยช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้ขับเคลื่อนลดภาระต้นทุน หากไม่ลดในช่วงนี้ จะช้าเกินไป เพราะตลาดบอบช้ำมากกำลังซื้อหายไปจากตลาด ในมุมผู้ประกอบการมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ ที่เป็นยาแรง รัฐบาลควรสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 3% คงที่ระยะยาวนาน20 ปี บ้านราคา 1 ล้านบาท สามารถผ่อนได้ เดือนละ3,000 บาท จากปกติ 6,000บาท สามารถซื้อบ้านในราคาเดียวกันได้ ซึ่งรูปแบบนี้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทุกภาคส่วน สนับสนุนให้มีการลดดอกเบี้ยให้สินเชื่อเติบโต เนื่องจากไม่เติบโตมานาน และไทยปรับลดดอกเบี้ยลงค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านส่งผลให้ภาระค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง