จากกรณีการฟ้องร้องบริษัทผู้ผลิตวัคซีน HPV ในต่างประเทศ เกี่ยวกับประเด็นความปลอดภัยของการใช้วัคซีน HPV ซึ่งมีการเผยแพรในสื่อสังคมออนไลน์และได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมากนั้น ล่าสุด สถาบันวัคซีนแห่งชาติ พร้อมด้วย ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์เพื่อคลายข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการฉีดวัคซีน HPV ที่เกิดขึ้นให้กับประชาชนได้รับทราบ
แถลงการณ์ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นข้อกังวลของข้อมูลที่มีการเผยแพร่ในประเด็นการฟ้องร้องเรื่องความปลอดภัยของการใช้วัคซีน HPV หรือ วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่ฉีดในเด็กนักเรียนหญิง ใจข้อความระบุว่า
สืบเนื่องจากกรณีการฟ้องร้องบริษัทผู้ผลิตวัคซีน HPV ในต่างประเทศ เกี่ยวกับประเด็นความปลอดภัยของการใช้วัคซีน HPV ซึ่งมีการเผยแพรในสื่อสังคมออนไลน์ และได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมากนั้น
สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ขอยืนยันว่า ความปลอดภัยและประสิทธิผลของการใช้วัคซีน HPV เป็นสิ่งที่ได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และหน่วยงานควบคุมกำกับคุณภาพยาและวัคซีนในหลายประเทศหัวโลก
รวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกันซึ่งวัคซีน HPV ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกได้อย่างมีประสิทธิผลและมีการใช้วัคซีนอย่างแพร่หลายทั่วโลกมานานกว่าทศวรรษโดยข้อมูลทางวิชาการชี้ให้เห็นว่า ประโยชน์ของการได้รับวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม สถาบันตระหนักถึงข้อกังวลของประชาชน ต่อรายงานกรณีอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีน HPV ตามข่าวที่มีการเผยแพร่และขอยืนยันว่า หน่วยงานด้านสาธารณสุขของไทยมีระบบเฝ้าระวังความปลอดภัยของวัคซีนอย่างเข้มงวดซึ่งหากมีข้อมูลด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมที่ส่งผลต่อแนวทางการใช้วัคซีน
สถาบันจะเร่งดำเนินการตรวจสอบและแจ้งข้อมูลแก่ประชาชนโดยเร็วที่สุด สถาบันขอให้ประชาชนมั่นใจว่า นโยบายการใช้วัคซีนของประเทศไทยตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญซึ่งหากท่านมีข้อสงสัยเพิ่มเติมขอให้รับข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น กระทรวงสาธารณสุข องค์การอนามัยโลก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงแพลตฟอร์มการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลข่าวสารของประเทศ เช่น ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ชัวร์ก่อนแชร์ เป็นต้น และ สถาบันวัคซีนฯ พร้อมปกป้องสุขภาพของประชาชน และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับวัคซีน เพื่อให้ประชาชนไม่พลาดโอกาสในการปกป้องตนเอง รวมถึงบุคคลที่ท่านรัก จากโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนได้ต่อไป
ด้าน ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ความปลอดภัยของวัคซีนเอชพีวี ระบุว่า มีความปลอดภัย โดยราชวิทยาลัยฯ ได้ทบทวนข้อมูลวิชาการด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนเอชพีวีและร่วมจัดทำแนวทางการป้องกันและรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก พ.ศ. 2567 ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิหลายสาขา
พบว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 องค์การอนามัยโลก และ Vaccine Adverse Event Reporting System (VAERS) ได้ทบทวนข้อมูลเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนเอชพีวีจากการฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 270 ล้านเข็ม พบว่า วัคซีนเอชพีวีมีความปลอดภัยสูงมาก ส่วนใหญ่มีปฏิกิริยาตรงตำแหน่งที่ฉีดยา ได้แก่ อาการปวด บวม ผื่นแดง อาการแพ้รุนแรงพบได้น้อยมาก
ราชวิทยาลัยสูติฯ จึงสนับสนุนการฉีดวัคซีนเอชพีวีสำหรับเด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ของภาครัฐ และการฉีดวัคซีนเอชพีวีสำหรับประชาชนทั่วไปตามแนวทางเวชปฏิบัติเพื่อประโยชน์ในการป้องกันมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากมะเร็งอันดับ 4 ในสตรีไทย รวมถึงป้องกันมะเร็งและโรคอื่น ๆ ที่มีสาเหตุจากเชื้อเอชพีวี