ในการประชุมแก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่มี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานโดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมนายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า จากปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนในขณะนี้ ถือเป็นวาระสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขสืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร มีข้อสั่งการให้มีการเตรียมการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเร่งด่วนในทุกกระทรวง
สำหรับกระทรวงสาธารณสุขนั้นได้มีการดำเนินการในหลายส่วนและมีแผนการดำเนินการต่าง ๆ ตามข้อสั่งการ 5 มาตรการ อาทิ 1.ให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข หรือ PHEOC ของกระทรวงสาธารณสุข เพิ่มเติมจากใน 10 จังหวัด และ 2 เขตสุขภาพที่เปิดไปก่อนหน้านี้
2.ด้านประชาสัมพันธ์เชิงรุกและสร้างความรอบรู้ ได้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งมีการแถลงข่าวต่อเนื่องมาแล้ว 3 วัน และจะแถลงทุกวันในเวลา 14.00 น.
3. ดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยงโดยจัดทีม SHERT หรือ ทีมพิเศษฉุกเฉินสุขภาพระดับจังหวัด 76 ทีม และระดับอำเภอ 878 ทีม ลงพื้นที่ดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยง
4.เปิดคลินิกมลพิษแล้วใน 55 จังหวัด เปิดห้องปลอดฝุ่น 5,517 ห้อง และสนับสนุนมุ้งสู้ฝุ่นให้กลุ่มเสี่ยงใน 35 จังหวัดและมีแผนกระจายให้ผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่เสี่ยงสูงเพิ่มอีก 37,569 ราย
5.สนับสนุนอุปกรณ์เวชภัณฑ์ไปยังหน่วยบริการซึ่งช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาได้มีการสนับสนุนหน้ากากอนามัยแล้วกว่า 180,000 ชิ้น และหน้ากาก N95 กว่า 1.1 ล้านชิ้น
พร้อมกันนี้ได้หารือกับ สปสช. เพื่อบูรณาการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นหรือพื้นที่ (กทป.) เพื่อสนับสนุนนโยบายในการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นให้พี่น้องประชาชนในแต่ละท้องที่
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช.จะมีการซักซ้อมกับ กทป.ทั่วประเทศ 7,700 แห่ง ซึ่งมีการเตรียมโครงการอื่น ๆ ที่จะดำเนินการ
ในปีนี้มีเงินค้างในระบบ 3,536 ล้านบาทจะขอให้มีการปรับโครงการเพื่อให้สนับสนุนหน้ากากอนามัยเพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับอย่างเพียงพอ โดยจะมีการสื่อสารขอให้ประสานกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลทุกแห่งในพื้นที่ เพื่อเข้าไปสนับสนุนหน้ากากอนามัยที่อาจจะยังไม่เพียงพอ โดยจะมีการทำหนังสือซักซ้อมปรับโครงการทั้งหมดในวันนี้ (25 มกราคม) เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ นายสมศักดิ์ รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. ได้มอบให้ สปสช. เร่งเชิญชวนให้หน่วยงาน องค์กร หรือกลุ่มประชาชน จัดทำโครงการการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันฝุ่น PM 2.5 เพื่อลงผลกระทบทางสุขภาพที่เกิดขึ้น โดยให้ขอรับงบประมาณสนับสนุนผ่านกลไกที่เรียกว่า "กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นหรือพื้นที่" (กปท.)
สำหรับ กปท. เป็นกองทุนในระดับพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เทศบาล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เป็นต้น ที่ สปสช. อุดหนุนงบประมาณร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
วัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้กับโครงการที่เกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ภายใต้แนวคิดที่ให้ประชาชนในพื้นที่เป็นผู้จัดทำและขับเคลื่อนการดำเนินงาน เพื่อให้โครงการสุขภาพที่จัดทำนั้นสอดคล้องกับความต้องการในพื้นที่มากที่สุด
"สปสช. จะเร่งประสานไปยังพื้นที่ต่างๆ ให้มีการเร่งจัดทำโครงการที่เกี่ยวกับการป้องกันผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 โดยเร็ว ตามที่ได้รับมอบหมายจาก รมว.สาธารณสุข โครงการในลักษณะนี้เป็นหนึ่งในขอบเขตที่สามารถขอรับงบประมาณจาก กปท.ได้ซึ่งหน่วยงานที่เขียนโครงการฯ สามารถทำได้ทั้ง หน่วยงานของรัฐและกลุ่มองค์กรภาคประชาชนในพื้นที่
หากมีไอเดียดี ๆ ในการป้องกันผลกระทบที่จะเกิดต่อสุขภาพจากฝุ่น PM 2.5 ก็สามารถติดต่อเขียนโครงการเพื่อรับการสนับสนุนได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ของท่านไม่ว่าจะเป็นเทศบาล หรือ อบต. ที่อาศัยอยู่" เลขาธิการ สปสช. กล่าว
สำหรับตัวอย่างลักษณะโครงการที่สามารถขอรับงบประมาณจาก กปท.ได้ เช่น การสำรวจกลุ่มเป้าหมายที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลตามความเสี่ยงต่อการเกิดโรค อาทิ หญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ง่าย เป็นต้น
นอกจากนี้ยังสามารถจัดทำโครงการอบรมให้ความรู้ ประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนในพื้นที่โดยติดต่อหน่วยงาน ที่สามารถให้ความรู้ในการป้องกันและดูแลสุขภาพจากภัยฝุ่น PM 2.5 การจัดหาอุปกรณ์ป้องกัน หน้ากากมาตรฐาน N95 ตามวิธีการป้องกันของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งการติดตามสถานการณ์ และเฝ้าระวังสถานการณ์ และแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่ทราบเป็นระยะ