ทรัมป์ 2.0 ขยับภาษีเปลี่ยนเกม! หุ้นไทยเผชิญแรงกดดัน เงินบาทเสี่ยงอ่อนค่า
ทรัมป์ ปลุกกระแส Bitcoin! เปลี่ยนเกมการเงินโลก ดันทุนสำรองแห่งชาติ - เปิดทางขุดเหมือง จับตา FED ลดดอกเบี้ย ลุ้นราคาพุ่งแรง ขณะเดียวกันตลาดไทยส่อเจอศึกหนัก เงินทุนไหลออก ค่าเงินบาทผันผวน รับแรงกดดันนโยบายภาษีสหรัฐฯ
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยแนวนโยบายของ Trump ที่สนับสนุน Bitcoin หนึ่งในมาตรการคือการเปลี่ยนประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพราะเดิมทีนั้นประธานคนเดิมภายใต้คุณ Gary Gensler มีแนวคิดต่อ Cryptocurrency ที่ค่อนข้างเข้มงวด
พร้อมกันนี้ได้สนับสนุนให้จัดตั้งทุนสำรอง Bitcoin แห่งชาติ พร้อมกับสนับสนุนการทำเหมือนขุด Bitcoin แต่อย่างไรก็กี ด้วยก่อนหน้านี้หากประเมินผลตอบแทน BITCOIN ช่วงต้นปี 67 จนถึงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯพบว่าปรับขึ้นมา 49% ทำให้หลังจากทราบผลการเลือกตั้งแล้ว ราคา Bitcoin ยังปรับขึ้นต่อแต่ก็เหลือเพียง 38%
ส่วนแนวโน้มหลังจากนี้ประเมินว่าต้องติดตามการดำเนินนโยบายของ FED เป็นหลัก เพราะนโยบายของ Trump นั้นถือว่า Bitcoin ได้รับรู้ไปแล้ว หาก FED ตัดสินใจลดดอกเบี้ยมากกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ผสานกับการสนับสนุน Bitcoin ของ Trump ก็มีโอกาสที่ Bitcoin จะปรับขึ้นต่อ
ในแง่ผลกระทบต่อตลาดการเงินไทยกับการมาของ Trump ปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม ได้แก่ นโยบายด้านภาษีของ Trump เพราะมีผลต่อทั้งการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการค้าขายระหว่างประเทศ รวมถึงการท่องเที่ยว ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่ออัตราแลกเปลี่ยน
ในด้านภาษีนั้นหาก Trump ตัดสินใจปรับขึ้นภาษีนำเข้ากับจีนอาจสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจจีน เฉกเช่นกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงปี 18-19 ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อการส่งออกไทยที่อาจเผชิญภาวะหดตัวและอาจขาดดุลการค้า (กดดันเงินบาทอ่อนค่า)
ส่วนถัดมา ได้แก่ ผลกระทบต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ การปรับขึ้นภาษีนำเข้าจะทำให้ระดับสินค้าในสหรัฐฯสูงขึ้น ผสานกับนโยบายที่ Trump อยากให้เกิดการจ้างงานเฉพาะประชาชนในสหรัฐฯจะยิ่งเป็นปัจจัยกดดันค่าจ้างและระดับสินค้าจะสูงขึ้น จึงอาจเห็นท่าทีของ FED ที่เข้มงวด ซึ่งจะกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าเช่นกัน
อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯหลังจากนี้ หากรายงานมาแย่กว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ เช่นช่วงที่รายเงินเฟ้อต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ ก็จะกลับมาหนุนค่าเงินบาท
ด้านหุ้นไทยกระทบในเชิงลบจากกระแสเงินทุนอาจไหลออก พร้อมกับเศรษฐกิจไทยจะมีความเสี่ยงมากขึ้นจากการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจ และอาจรวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียน เป็นปัจจัยเชิงลบด้านพื้นฐาน แต่อย่างไรก็ดี ท้ายที่สุดให้พิจารณาที่ Valuation ซึ่งระดับดัชนีที่ 1,340 จุด ก็ไม่ได้แพงมากนัก และกลุ่ม Domestic Play ถือว่ามีผลกระทบไม่มากนัก