ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 31 ม.ค.ที่ระดับ 33.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.73 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก แม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะอยู่ในฝั่งขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย (3,164.65 ล้านบาท และ 9,201 ล้านบาท ตามลำดับ) ก็ตาม
อย่างไรก็ดี กรอบการแข็งค่าของเงินบาท ยังคงเป็นไปอย่างจำกัด ตาม Sentiment ที่อ่อนแอของสกุลเงินในภูมิภาคท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับโอกาสความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้า (โดยเฉพาะ แคนาดาและเม็กซิโก ในวันที่ 1 ก.พ. นี้)
ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 31 มกราคม 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -20.14 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -16.84 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (3-7 ก.พ.) ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.30-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลการประชุม BOE สถานการณ์เงินทุนต่างชาติและตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค. ของไทย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ
ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค. ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือนก.พ. (เบื้องต้น)
รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนม.ค. ของญี่ปุ่น จีน ยูโรโซน และอังกฤษ และอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค. ของยูโรโซนด้วยเช่นกัน