ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ชวนพูดคุยเรื่องนโยบายการเงินกับ นิสิตนักศึกษาปริญญาโท/เอก สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ จากสถาบันการศึกษาต่างๆ ในโครงการ BOT Econ Class เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568
ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
ดร.เศรษฐพุฒิเปิดเผยว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้การปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดจากปัญหาด้านสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์หรือ การดูดสภาพคล่องออกจากระบบโดย ธปท.แต่มีสาเหตุหลักจาก "ความเสี่ยงของผู้กู้" ที่เพิ่มสูงขึ้น จนธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ
ดร.เศรษฐพุฒิกล่าวต่อว่า มีการพูดกันมากว่า สินเชื่อที่หดหายไปมาจากดอกเบี้ยที่สูง สภาพคล่องในระบบไม่พอ แบงก์ขาดสภาพคล่อง หรือความเสี่ยงที่สูงของผู้กู้
แต่ที่ได้ยินบ่อยเป็นเรื่องของสภาพคล่องในระบบไม่พอ เนื่องจากแบงก์ชาติไปดูดสภาพคล่องออกมา ทำให้แบงก์ไม่มีสภาพคล่องที่จะไปปล่อยต่อ
"ถามว่าแบงก์ชาติมีการดูดสภาพคล่องหรือไม่ เราทำ ไม่ใช่เพราะอยากจะดูดสภาพคล่อง เพื่อลดสภาพคล่องในระบบ เพื่อไม่ให้แบงก์ ไม่ปล่อยสินเชื่อ สิ่งที่เราทำคือเรื่องที่เราต้องดูแลค่าเงิน มีความจำเป็นในบางจังหวะ ต้องเข้าไปซื้อเงินตราต่างประเทศ ปล่อยบาทออกมา เพื่อให้ดอกเบี้ยเป็นไปตามนโยบายที่ตั้งไว้"
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการตั้งคำถามถึงระดับดอกเบี้ยที่สูงและการดูดสภาพคล่องออกจากระบบ แต่จากข้อมูลของ ธปท. พบว่า ปริมาณสินเชื่อไม่ได้สัมพันธ์กับสภาพคล่องที่ธปท.ดูดซับ โโยข้อมูล ณ สินเดือนธ.ค.2567 พบว่า ยอดคงค้าง Bilateral repo และพันธบัตร ธปท.อยู่ที่ 5.1 ล้านล้านบาท ขณะที่ยอดสินเชื่อธนาคารพาณิชย์และแบงก์รัฐอยู่ที่ 18 1ล้านล้านบาท
ดังนั้นสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารยังอยู่ในระดับที่มั่นคงสูง ไม่ได้ลดลงเลย อีกอย่างที่สะท้อนความสามารถในการปล่อยสินเชื่อคือทุน ซึ่งมีสัดส่วนทุนต่อสินทรัพย์ หรือ BIS Ratio อยู่ในระดับสูง แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับการปล่อยกู้ หากธนาคารประสงค์จะปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติม
สิ่งที่กลายเป็น "ข้อจำกัดสำคัญ" ในเวลานี้ จึงไม่ใช่ข้อจำกัดด้านทุนหรือสภาพคล่อง แต่เป็นความเสี่ยงในการปล่อยกู้ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กหรือ SMEs ซึ่งมีอัตราค้างชำระเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธนาคารคำนึงถึงความคุ้มค่าต่อความเสี่ยงมากขึ้นตัว
"ที่สำคัญจริงๆ เป็นเรื่องของความเสี่ยงของผู้กู้เพิ่มสูงขึ้น ทำให้แบงก์ไม่อยากที่จะปล่อยสินเชื่อออกไป อย่างผลตอบแทนจากการปล่อยสินเชื่อ SME อยู่ที่เฉลี่ย 8-10% ขณะที่ต้นทุนของธนาคารในปัจจุบันอยู่ที่ 11-13% ทำให้การปล่อยสินเชื่อในบางกรณีกลายเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มความเสี่ยง”ดร.เศรษฐพุฒิกล่าว
อย่างไรก็ตาม ธปท.ยืนยันว่า ไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหาดังกล่าว และกำลังเร่งผลักดันมาตรการสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อในลักษณะที่ช่วยลดความเสี่ยงให้กับธนาคาร เช่น การใช้ระบบ “เครดิต การันตี” หรือการค้ำประกันสินเชื่อ
ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องในชื่อ NaCGA หรือ สถาบันค้ำประกันแห่งชาติ เพื่อสร้างกลไกการค้ำประกันสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพในระดับโครงสร้าง เหมือนกับในหลายประเทศพัฒนาแล้ว
“โครงสร้างนี้จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับธนาคารพาณิชย์ ทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะให้กับ SMEs ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจไทย”ดร.เศรษฐพุฒิกล่าว