เปิดพอร์ตกระทรวงการคลัง ถือ 11 หุ้นไทย รับปันผล 3.91 หมื่นล้าน

"ฐานเศรษฐกิจ" เปิดพอร์ตการลงทุนกระทรวงการคลัง ถือครองหุ้น 11 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) รวมถึงการลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนและกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ปี 2567 รับเงินปันผลรวม 3.91 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.12% จากปีก่อน โดย PTT-AOT-TTB ให้เงินปันผลสูงสุด ขณะที่มี 4 บริษัทงดจ่ายปันผลยาวนานถึง 6 ปีซ้อน

จากการรวบรวมข้อมูลการถือครองหุ้นของกระทรวงการคลัง พบว่ามีการถือครองหุ้นในบริษัทจดทะเบียน 11 หลักทรัพย์ ได้แก่ AOT, BCP, BEYOND, DMT, MCOT, NEP, OR, PTT, RPH, THAI และ TTB นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี (MFC) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) อีกด้วย

สำหรับภาพรวมปี 2567 กระทรวงการคลังได้รับเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 39,118.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20,322.57 ล้านบาท หรือ 108.12% จากปี 2566 ที่ได้รับเงินปันผลรวม 18,796.09 ล้านบาท

ทั้งนี้ 3 อันดับหุ้นที่ให้เงินปันผลสูงสุดในปี 2567 ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT จำนวน 29,197.71 ล้านบาท รองลงมา คือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT จำนวน 7,900 ล้านบาท และ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB จำนวน 1,363.71 ล้านบาท

เปิดพอร์ตหุ้น "กระทรวงการคลัง" ปี 67

กระทรวงการคลังถือหุ้น AOT เป็นอันดับ 1 สูงสุด จำนวน 10,000,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 70.00% โดยในปี 2567 AOT จ่ายเงินปันผลรวม 0.79 บาทต่อหุ้น ทำให้กระทรวงการคลังได้รับเงินปันผลทั้งสิ้น 7,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,300 ล้านบาท หรือ 119.4% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ได้รับปันผล 3,600 ล้านบาท จากอัตราปันผล 0.36 บาทต่อหุ้น 

สำหรับ PTT ซึ่งเป็นบริษัทที่กระทรวงการคลังได้รับเงินปันผลสูงสุด กระทรวงการคลังถือหุ้น 14,598,855,750 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 51.11% ในปี 2567 PTT ประกาศจ่ายเงินปันผล 2 ครั้ง รวม 2.00 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้กระทรวงการคลังได้รับเงินปันผลรวม 29,197.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,058.74 ล้านบาท หรือ 122.22% จากปีก่อนที่จ่ายปันผลรวม 0.90 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่า 13,138.97 ล้านบาท 

ขณะที่ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้น 11,364,282,005 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 11.67% ในปี 2567 มีการจ่ายเงินปันผลจำนวน 2 ครั้ง รวม 0.12 บาทต่อหุ้น ทำให้กระทรวงการคลังได้รับเงินปันผลทั้งสิ้น 1,363.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 193.19 ล้านบาท หรือ 16.50% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่จ่ายปันผลรวม 0.103 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่า 1,170.52 ล้านบาท

ส่วนบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT ที่กระทรวงการคลังถือหุ้น 261,350,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 22.13% ในปี 2567 ที่ผ่านมา DMT ประกาศจ่ายเงินปันผล 4 ครั้ง รวม 0.78 บาทต่อหุ้น ทำให้กระทรวงการคลังได้รับเงินปันผลทั้งสิ้น 203.85 ล้านบาท ลดลง 300.55 ล้านบาท หรือ 59.58% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีการจ่ายเงินปันผลถึง 6 ครั้ง รวมมูลค่า 1.93 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่า 504.40 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ในปี 2568 หลายบริษัทมีการประกาศจ่ายเงินปันผลงวดแรกแล้ว โดย PTT จะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 29 เมษายน 2568 จำนวน 1.30 บาทต่อหุ้น ทำให้กระทรวงการคลังจะได้รับเงินปันผลในรอบนี้อีก 18,978.51 ล้านบาท ขณะที่ AOT ยังไม่มีการประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2568

สำหรับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ที่กระทรวงการคลังถือหุ้น 457,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 10.00% ในปี 2567 มีการจ่ายเงินปันผลจำนวน 4 ครั้ง รวม 0.4432 บาทต่อหุ้น ทำให้กระทรวงการคลังได้รับเงินปันผลมูลค่า 202.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.80 ล้านบาท หรือ 7.31% จากปีก่อน ล่าสุดได้ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดแรกของปี 2568 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม จำนวน 0.1189 บาทต่อหุ้น ทำให้กระทรวงการคลังได้รับเงินปันผลในรอบนี้อีก 54.33 ล้านบาท

ขณะที่มี 4 บริษัทที่กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่แต่งดจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง ได้แก่

• บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEYOND ที่กระทรวงการคลังถือหุ้น 31,200,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 10.76%, 
• บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT ที่กระทรวงการคลังถือหุ้น 452,134,022 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 65.80% 
• บริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ NEP ที่กระทรวงการคลังถือหุ้น 295,847,860 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 12.72% ซึ่งทั้ง 3 บริษัทนี้งดจ่ายปันผลมานานถึง 6 ปี ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน
• รวมถึงบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ที่กระทรวงการคลังถือหุ้น 11,010,143,112 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 38.90% ไม่มีการจ่ายเงินปันผลมาตั้งแต่ปี 2563 เนื่องจากอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ แม้จะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 18 เมษายน 2568 แต่ก็ยังไม่มีวาระเกี่ยวกับการกลับมาจ่ายเงินปันผลแต่อย่างใด

แม้จะมีบางบริษัทที่งดจ่ายปันผล แต่ในภาพรวมกระทรวงการคลังยังคงได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศหลังจากวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภคที่มีการจ่ายปันผลในอัตราที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน