thansettakij
Bitcoin จะแทนที่ “สกุลเงินหลัก” ของโลกได้จริงหรือไม่?

Bitcoin จะแทนที่ “สกุลเงินหลัก” ของโลกได้จริงหรือไม่?

26 มี.ค. 2568 | 07:25 น.
อัปเดตล่าสุด :26 มี.ค. 2568 | 07:25 น.

เจาะอนาคต Bitcoin อาจเป็นเงินตราหลักแห่งอนาคตหรือเป็นเพียงสินทรัพย์เก็งกำไร? สำรวจข้อดี ข้อเสีย โอกาสของคริปโตเคอเรนซีในระบบการเงินโลก

ท่ามกลางกระแสเทคโนโลยีการเงินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Bitcoin และ คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) กำลังถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็นสกุลเงินหลักของโลกในอนาคตหรือไม่ แม้ว่าแนวคิดของ Bitcoin จะถือกำเนิดขึ้นมานานกว่าสี่ทศวรรษ และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ยังคงมีข้อถกเถียงว่ามันสามารถทดแทนสกุลเงินดั้งเดิมอย่างดอลลาร์สหรัฐหรือเงินสกุลอื่นๆ ได้จริงหรือไม่

โดยหลักการแล้ว สกุลเงินที่ดีต้องเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน มีเสถียรภาพในการเก็บรักษามูลค่า และใช้เป็นหน่วยวัดทางเศรษฐกิจได้ ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐถูกใช้ในกว่า 90% ของธุรกรรมทั่วโลก Bitcoin ยังคงมีข้อจำกัดหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องความผันผวนของมูลค่า ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นกว่า 5,000% ซึ่งอาจเป็นข้อดีสำหรับนักลงทุน แต่กลับเป็นปัญหาสำหรับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน เพราะสกุลเงินที่ดีควรมีเสถียรภาพ ไม่ใช่สินทรัพย์ที่มูลค่าผันผวนจนไม่สามารถกำหนดราคาสินค้าและบริการได้อย่างแน่นอน

หนึ่งในจุดแข็งของ Bitcoin คือความเป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ที่ไม่มีรัฐบาลหรือธนาคารกลางควบคุม ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการบริหารเงินผิดพลาดของภาครัฐ รวมถึงช่วยลดค่าธรรมเนียมธุรกรรมทางการเงิน และเพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ Bitcoin ยังมีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งทำให้ไม่สามารถถูกผลิตเพิ่มได้เหมือนเงินกระดาษที่สามารถพิมพ์ออกมาได้ไม่จำกัด หลายคนมองว่าสิ่งนี้เป็นจุดแข็ง เพราะป้องกันปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดจากการเพิ่มปริมาณเงินในระบบมากเกินไป

แม้จะมีข้อดีหลายด้าน แต่ Bitcoin ก็ยังไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นสกุลเงินหลักของโลกได้ในเร็วๆ นี้ เนื่องจาก...

  • ความผันผวนของมูลค่า

ราคาของ Bitcoin มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น ในปี 2023 ราคา Bitcoin อยู่ที่ 21,000 ดอลลาร์ แต่เพิ่มขึ้นเป็น 42,000 ดอลลาร์ภายในหนึ่งปี การขึ้นลงของราคาที่รวดเร็วนี้ทำให้การใช้ Bitcoin ในการซื้อขายสินค้าและบริการมีความเสี่ยงสูง

  • ข้อจำกัดในการใช้งานจริง

แม้ว่า Bitcoin จะสามารถใช้เป็นเครื่องมือเก็บมูลค่าได้เหมือนทองคำ แต่ในแง่ของการเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนกลับมีข้อจำกัดสูง เช่น ค่าธรรมเนียมที่แพง การทำธุรกรรมที่ล่าช้า และข้อจำกัดทางเทคโนโลยีที่ทำให้การรองรับปริมาณธุรกรรมจำนวนมากเป็นไปได้ยาก

  • การควบคุมของภาครัฐ

หลายประเทศยังมองว่า Bitcoin เป็นภัยคุกคามต่อระบบการเงินแบบดั้งเดิม รัฐบาลบางแห่งจึงออกกฎหมายจำกัดหรือสั่งห้ามการใช้คริปโตในการทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น ประเทศจีนที่สั่งห้ามการทำเหมือง Bitcoin และการใช้คริปโตเป็นสื่อกลางในการชำระเงิน

อนาคตของคริปโต เงินตราหรือสินทรัพย์เพื่อการลงทุน?

หากพิจารณาตามแนวโน้มปัจจุบัน เป็นไปได้ว่า Bitcoin อาจไม่ได้ก้าวขึ้นมาแทนที่เงินกระดาษโดยสมบูรณ์ แต่จะกลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้เป็นตัวเก็บมูลค่า คล้ายกับทองคำมากกว่า โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังเผชิญภาวะเงินเฟ้อรุนแรง เช่น เวเนซุเอลา หรือประเทศที่ประชาชนไม่มีทางเลือกในการเข้าถึงบริการทางการเงินแบบดั้งเดิม

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาของเทคโนโลยีบล็อกเชนและการเงินดิจิทัลยังคงดำเนินต่อไป อาจเป็นไปได้ว่าในอนาคต เราอาจได้เห็นการรวมตัวของเงินตราแบบดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น การที่รัฐบาลออกสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง (CBDC) หรือการที่ธนาคารและบริษัทเอกชนพัฒนาระบบการเงินแบบไฮบริดที่ใช้ทั้งเงินกระดาษและเงินดิจิทัลควบคู่กัน

 

Bitcoin จะเป็นเงินหลักของโลกหรือไม่?

แม้ว่า Bitcoin จะมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินโลก แต่ด้วยข้อจำกัดด้านความผันผวน การใช้งานจริง และการควบคุมของรัฐบาล ทำให้ยังเป็นไปได้ยากที่ Bitcoin จะเข้ามาแทนที่เงินตราดั้งเดิมอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม Bitcoin และเทคโนโลยีบล็อกเชนได้เปิดประตูสู่ระบบการเงินยุคใหม่ ที่ให้ทางเลือกแก่ประชาชนมากขึ้น ลดการพึ่งพาธนาคาร และอาจเปลี่ยนโฉมวิธีการทำธุรกรรมทั่วโลกในอนาคต ในท้ายที่สุด Bitcoin อาจไม่ใช่สกุลเงินหลักของโลก แต่จะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีบทบาทสำคัญต่อไปอย่างแน่นอน

 

อ้างอิง: Forbes, Investopedia, KBS, Newsnationnow