thansettakij
หุ้น WAVE … พักสั้น หรือ พักยาว?

หุ้น WAVE … พักสั้น หรือ พักยาว?

25 มี.ค. 2568 | 23:30 น.

หุ้น WAVE … พักสั้น หรือ พักยาว? : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

*** กรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ขึ้นเครื่องหมาย SP (ห้ามซื้อขายชั่วคราว) หลักทรัพย์ บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล (WAVE) ในวันที่ 25 มี.ค. 2568 และกำหนดปลดเครื่องหมาย SP ใน 26 มี.ค. 2568 โดยหลังจากที่กลับมาเทรดจะขึ้น CS (ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็น/ไม่ให้ข้อสรุป) และ CB (ผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 3 ปีติดต่อกัน จนทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้น < 100% ของทุนชำระแล้ว) ทำให้ในอนาคตสำนักงาน ก.ล.ต. อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้

ว่าแต่ทำไม WAVE ถึงถูกขึ้นเครื่องหมาย SP CS และ CB ซึ่งจะส่งผลกระทบกับราคาหุ้นของบริษัทได้ในอนาคต???

อย่างแรก คงต้องรู้จักกับบริษัทแห่งนี้ก่อนว่า WAVE เป็นอีกหนึ่งในบริษัทที่อยู่กับตลาดหุ้นไทยมายาวนาน โดยเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ มาตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. 2537 โดยใช้ชื่อว่า บริษัท ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CVD ซึ่งทำธุรกิจเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ผลิตรายการและละครลงแผ่น CD และ DVD ก่อนที่จะเปลี่ยนทั้งชื่อบริษัทมาเป็น WAVE และเปลี่ยนธุรกิจมาเป็นธุรกิจ Carbon Credits ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ของโลก ธุรกิจสุขภาพ และธุรกิจโรงเรียนสอนภาษาในปัจจุบัน...

อย่างที่สอง เป็นเรื่องของผลการดำเนินงานของ WAVE ที่ถึงแม้ว่าผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2567 จะไม่มีการขาดทุน โดยมีรายได้รวม 363.64 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 23.85 ล้านบาท แต่การที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็น/ไม่ให้ข้อสรุปสำหรับงบการเงินงวดปี 2567 

ในขณะที่ก่อนหน้านี้ผลงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2563 มาจนถึงปี 2566 ขาดทุนต่อเนื่องมาตลอด ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2567 ซึ่งผู้ตรวจสอบบัญชียังไม่ได้รับรองพบว่าขาดทุนส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ 774.21 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2566 ที่ขาดทุน 17.46 ล้านบาท

โดยจุดที่น่าสนใจ คือ ส่วนของเจ้าหนี้ และ ตั๋วเงินจ่ายการค้าสุทธิของบริษัท ที่มีอยู่สูงถึง 338.15 ล้านบาท ซึ่งเป็นการก้าวกระโดดขึ้นมาถึง 13 เท่าตัวในเวลาเพียงแค่ 1 ปี เท่านั้น...

อย่างที่สาม คือ กรณีของผู้ถือหุ้นซึ่งล่าสุดเซียนใหญ่อย่าง “สุระ คณิตทวีกุล” ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งในสัดส่วน 7.15% มีทาง LGT BANK (SINGAPORE) LTD ถือหุ้นใหญ่เบอร์ 2 ในสัดส่วน 7.03% บริษัท ธนวรินทร์ จำกัด และ นางจารุณี ชินวงศ์วรกุล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในลำดับที่ 3 และ 4 

โดยมีทางฝั่งของ บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BTC ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นถือหุ้นใหญ่เบอร์ 1 สัดส่วน 8.9% ลงมาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่ 5 ในสัดส่วน 4.52% และ THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED, SINGAPORE BRANCH ที่ก่อนหน้านี้ถือหุ้นเป็นเบอร์ 2 ได้ลดสัดส่วนลงมาเป็นผู้ถือหุ้นลำดับที่ 6 แทนที่ โดยความเปลี่ยนแปลงนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง

ท้ายสุด เป็นเรื่องของการเพิ่มทุนที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ขณะที่การเพิ่มทุนครั้งล่าสุด บริษัทเพิ่งประกาศเพิ่มทุนขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering : RO) จำนวน 2,303.12 ล้านหุ้น อัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 0.14 บาท ส่งผลให้ล่าสุดบริษัทมีหุ้นจดทะเบียนกับ ตลท. ในจำนวนที่มากถึง 11,456,342,329 หุ้น มีทุนจดทะเบียน 7,694,715,099.00 บาท 

โดยที่ราคาหุ้นหน้ากระดานอยู่ที่ราคา 0.06-0.07 บาท ในขณะที่บริษัทมีรายการเงินสดสุทธิติดมืออยู่เพียง 30.15 ล้านบาท เท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม WAVE ได้ชี้แจงว่า การที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัทฯ เกิดจากธุรกิจคาร์บอนเครดิต เป็น New S-Curve ยังไม่มีราคาตลาดเพื่อใช้ในการอ้างอิง ซึ่งเจ๊เมาธ์ดูแล้ว ออกจะขัดกันกับความเชื่อของผู้ถือหุ้นผ่านทางราคาหุ้น และขัดกันกับผลการดำเนินงานที่ปรากฏ ในขณะที่บริษัทยังคงมีความเชื่อมั่นว่า การดำเนินธุรกิจดังกล่าวข้างต้น จะส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้นได้ในอนาคต

ดังนั้น จากนี้ไปคงจะต้องตามดูกันว่า ระหว่างความเชื่อมั่นของบริษัท ความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้น ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และความเชื่อมั่นของผู้ตรวจสอบบัญชี สิ่งใดจะถูกต้อง...เจ๊เมาธ์เชื่อว่าอีกไม่นานก็คงจะได้รู้กันแล้วเจ้าค่ะ