บอร์ด รฟท.เคาะจัดซื้อรถดีเซลราง 184 คัน 2.4 หมื่นล้าน รับรถไฟทางคู่

29 ม.ค. 2568 | 17:57 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ม.ค. 2568 | 18:15 น.

บอร์ด รฟท.ไฟเขียว จัดซื้อรถดีเซลรางปรับอากาศ 184 คัน วงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท เล็งชงคมนาคมเคาะภายในเดือนก.พ.นี้ เตรียมเปิดประมูล ก.ค.69 หวังทดแทนรถเดิมที่ใช้งานมากว่า 30 ปี รับรถไฟทางคู่ในอนาคต

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรถไฟฯ มีมติเห็นชอบให้การรถไฟฯ ผลักดันโครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศ พร้อมอะไหล่ จำนวน 184 คัน วงเงินรวมทั้งสิ้น 24,150.00 ล้านบาท เพื่อนำมาทดแทนรถดีเซลรางปรับอากาศเดิมที่มีการจัดหาครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2538 ซึ่งมีอายุการใช้งานมากว่า 30 ปี ตลอดจนเป็นการรองรับการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานทั้งโครงการก่อสร้างทางคู่ระยะที่ 1 - 2 รวมถึงโครงการทางรถไฟสายใหม่ในอนาคต

ทั้งนี้โครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศดังกล่าว เป็นการจัดหารถกำลังดีเซลรางปรับอากาศมีห้องขับ จำนวน 92 คัน วงเงิน 12,075.00 ล้านบาท และรถกำลังดีเซลรางปรับอากาศไม่มีห้องขับ จำนวน 92 คันวงเงิน 12,075.00 ล้านบาท รวมวงเงินโครงการทั้งสิ้น 24,150.00 ล้านบาท เฉลี่ยคันละ 131.25 ล้านบาท ซึ่งการรถไฟฯ เป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายและกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้

ส่วนขั้นตอนจากนี้ การรถไฟฯ จะนำเสนอรายงานต่อกระทรวงคมนาคมภายในเดือนก.พ.นี้ เพื่อพิจารณาทำความเห็นเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

หากคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการดังกล่าว การรถไฟฯ จะออกประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจยื่นข้อเสนอประกวดราคา

นายวีริศ กล่าวต่อว่า ตามแผนจะพิจารณาผลการคัดเลือกได้ภายในเดือนกรกฎาคมปี 2569 คาดว่าจะสามารถนำรถดีเซลรางปรับอากาศดังกล่าว มาให้บริการภายในเดือนเมษายน 2573 ซึ่งสอดคล้องกับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในการก่อสร้างทางคู่ระยะที่ 1 และ 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2571 และโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2572 ซึ่งมีระยะทางรวมทั้งสิ้น 3,154 กิโลเมตร

สำหรับโครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศ พร้อมอะไหล่ จำนวน 184 คัน มีเป้าหมายเพื่อนำมาทดแทนขบวนรถที่ให้บริการขนส่งผู้โดยสารระยะไกลในปัจจุบัน จำนวน 10 ขบวน และนำมาเปิดเดินขบวนรถเพิ่ม รองรับการขยายเส้นทางในโครงการก่อสร้างทางคู่ระยะที่ 1 – 2 จำนวน 52 ขบวน

ขณะเดียวกันได้แบ่งเป็นเส้นทางระยะกลาง 46 ขบวน และระยะไกล 6 ขบวน รวมทั้งสิ้น 62 ขบวน ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย และแผนวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2566 – 2570 (แผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย) ที่จะเข้ามาเพิ่มบทบาทการให้บริการขนส่งผู้โดยสาร

บอร์ด รฟท.เคาะจัดซื้อรถดีเซลราง 184 คัน 2.4 หมื่นล้าน รับรถไฟทางคู่

นายวีริศ กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันได้รับความนิยมในการเดินทางเชิงพาณิชย์อย่างยิ่ง ตลอดจนเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับการขนส่งรูปแบบอื่น ที่จะทำให้เกิดการปรับรูปแบบการเดินทางของผู้ใช้บริการมาใช้ระบบรางมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางของผู้ใช้บริการ ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ลดปัญหาการจราจรติดขัด

ที่สำคัญยังลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะมลภาวะทางอากาศ และลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุทางถนนลงได้อีกด้วย

สำหรับรถดีเซลรางปรับอากาศ จำนวน 184 คัน เป็นรถดีเซลรางไฟฟ้ารูปแบบ Hybrid DEMU. (Hybrid Diesel Electric Multiple Unit) ที่สามารถใช้แหล่งพลังงานในการขับเคลื่อนจาก 2 แหล่ง ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (Energy Storage) เป็นรถปรับอากาศชั้น 1 และชั้น 2 รูปแบบริ้วขบวนรถ ประกอบด้วย

รถปรับอากาศชั้น 1 จำนวน 1 คัน และชั้น 2 จำนวน 3 คัน สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 239 ที่นั่ง ซึ่งมีการออกแบบพื้นที่

สำหรับให้บริการแก่ผู้พิการโดยเฉพาะ นอกจากนี้ได้เน้นความทันสมัยทั้งภายนอก และมีการตกแต่งภายใน อาทิ ระบบ Internet WiFi บนขบวนรถ เก้าอี้โดยสารสามารถปรับเอนได้ ห้องสุขาระบบปิดที่ถูกสุขอนามัย ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการสื่อสารและจอภาพ LED เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่าง ๆ

บอร์ด รฟท.เคาะจัดซื้อรถดีเซลราง 184 คัน 2.4 หมื่นล้าน รับรถไฟทางคู่

อย่างไรก็ตามยังมีเคาน์เตอร์จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายระหว่างการเดินทางของผู้ใช้บริการอีกด้วย ซึ่งสามารถรับรถงวดแรก จำนวน 60 คัน ได้ภายในปี 2570 คาดว่าจะมีผู้โดยสารเฉลี่ย 4.81 ล้านคน/ปี สร้างรายได้เฉลี่ย 3,469 ล้านบาท/ปี

ทั้งนี้ การรถไฟฯ มีแผนนำรถดีเซลรางปรับอากาศ มาพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ทั้งการออกแบบภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกบนขบวนรถ จำนวน 62 ขบวน ประกอบด้วย 

บอร์ด รฟท.เคาะจัดซื้อรถดีเซลราง 184 คัน 2.4 หมื่นล้าน รับรถไฟทางคู่

1. การทดแทนขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่จัดเดินในปัจจุบัน จำนวน 10 ขบวน ในเส้นทางสวรรคโลก จำนวน 2 ขบวน, เชียงใหม่ จำนวน 2 ขบวน, อุบลราชธานี จำนวน 2 ขบวน และสุราษฎร์ธานี จำนวน 4 ขบวน

2. การเปิดเดินขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศเพิ่มขึ้นจากเดิม เพื่อรองรับทางคู่ระยะที่ 1 และ 2 เส้นทางระยะกลาง จำนวน 9 เส้นทาง รวม 46 ขบวนต่อวัน ในเส้นทางพิษณุโลก จำนวน 10 ขบวน, นครราชสีมา จำนวน  10 ขบวน, ขอนแก่น จำนวน 6 ขบวน, ชุมพร จำนวน 8 ขบวน

สุราษฎร์ธานี จำนวน 2 ขบวน, นครราชสีมา – จุกเสม็ด จำนวน 4 ขบวน, ชุมพร – กันตัง จำนวน 2 ขบวน, ชุมพร – นครศรีธรรมราช จำนวน 2 ขบวน และชุมพร – ยะลา จำนวน 2 ขบวน

3.การเปิดเดินขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศเพิ่มขึ้นจากเดิม เพื่อรองรับทางคู่ระยะที่ 1 และ 2 เส้นทางระยะไกล จำนวน 3 เส้นทาง รวม 6 ขบวนต่อวัน ในเส้นทางเชียงใหม่ จำนวน 2 ขบวน, อุบลราชธานี จำนวน 2 ขบวนและหนองคาย จำนวน 2 ขบวน