วันนี้ (16 มกราคม 2567) ที่จังหวัดนราธิวาส น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเร่งรัดติดตามความก้าวหน้างานด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้และติดตามโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก รวมถึงติดตามโครงการรถไฟทางคู่หาดใหญ่-สุไหงโก-ลก และรับฟังบรรยายสรุปการจัดหลักสูตรเตรียมความพร้อมการผลิตกำลังคนด้านอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยมี ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้บริหารส่วนราชการจังหวัดนราธิวาส และผู้บริหารฝ่ายความมั่นคงจังหวัดนราธิวาสเข้าร่วม
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณส่วนราชการในการสรุปข้อมูลต่าง ๆ ในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งวันนี้ตั้งใจมาตรวจราชการเพื่อรับฟังปัญหาในพื้นจากคนในพื้นที่โดยตรง ว่ามีอะไรบ้างที่ส่วนกลางจะสามารถเร่งช่วยได้จริง ๆ ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพราะท้องถิ่นสามารถดูแลประชาชนได้ดี และใกล้ชิดประชาชนมากกว่าส่วนกลาง ขอให้ท้องถิ่นช่วยดูแลประชาชนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
ทั้งนี้เรื่องของคมนาคมที่ทางจังหวัดนราธิวาสกำลังดำเนินการ ฝากให้ทางจังหวัดดูเรื่องระยะเวลาต้องไม่ล่าช้าเพราะจะเกิดทุนที่เพิ่มขึ้นโดยรัฐบาลพยายามประหยัดงบประมาณ แต่ก็ต้องการพัฒนาประเทศไปอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกรณีการสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จากการพูดคุยกับทางมาเลเซีย ได้ตกลงในความร่วมมือการจัดซื้อจัดจ้างร่วมกับทางมาเลเซียแล้ว คาดว่าจะเริ่มกระบวนการก่อสร้างในเดือนมีนาคม 2568 และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนมิถุนายนปีนี้ โดยคาดว่า จะเปิดให้บริการภายในปี 2570
สำหรับเรื่องงบประมาณในการก่อสร้าง ขอให้ทางจังหวัดประสานกับกระทรวงคมนาคมเร่งส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว พร้อมกับเน้นย้ำเรื่องของความปลอดภัยต่อชีวิตของประชาชนระหว่างการดำเนินก่อสร้าง โดยเฉพาะเส้นทางการสัญจรขอให้ติดป้ายเตือน กำหนดเส้นทางสัญจรให้ชัดเจน
ส่วนของการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก นายกฯ กล่าวว่า ประชาชนจะได้รับประโยชน์ ถือเป็นการพัฒนาโครงการสาธารณะ ช่วยทำให้การขนส่งสินค้ารวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลพยายามนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาระบบขนส่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการส่งออกสินค้าเกษตรที่มีความสำคัญอย่างมาก และเป็นส่วนสำคัญต่อการเติบโตของจีดีพีของประเทศไทย
รวมทั้งขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาอย่างจริงจัง รวมทั้งหาข้อมูลประเทศเพื่อนบ้านที่เขามีความทันสมัยกว่าประเทศไทย นำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อสนับสนุนสินค้าการเกษตร ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นในทุก ๆ พื้นที่
สำหรับเรื่องของการศึกษา นายกฯ กล่าวว่า จากที่รับฟังรายงาน ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ตรงกับนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งสนับสนุนให้ทุนส่งเสริมเยาวชนไปเรียนต่อด้านอุตสาหกรรมในอนาคตจากต่างประเทศ ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีศักยภาพการศึกษาด้านเทคนิค แต่เทคโนโลยีถือเป็นสิ่งที่สำคัญ
ทั้งนี้ขอให้ศึกษาให้รอบคอบมากยิ่งขึ้นและขอให้ประสานงานกับต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสให้เยาวชน นักศึกษาไทยมีโอกาสไปศึกษามากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต รัฐบาลต้องการพัฒนาการศึกษาให้เด็กและเยาวชนของไทยให้ก้าวหน้า มีความทันสมัย นำความรู้กลับมาสร้างประโยชน์ให้กับประเทศต่อไป