สรุปฮั้วเลือก สว. 2567: ดีเอสไอพบโพยฮั้ว-สว.ตั้งโต๊ะแถลงปกป้องศักดิ์ศรี

21 ก.พ. 2568 | 19:28 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.พ. 2568 | 19:38 น.

ดราม่าร้อนฮั้วเลือก สว. 2567 เปิดผลสืบสวนดีเอสไอพบโพยตรงกับผลเลือก 138 คน มีระบบจ่ายเงิน 5,000-100,000 บาท ขณะที่ประธานวุฒิสภาพร้อม สว. ตั้งโต๊ะแถลงปกป้องศักดิ์ศรี ยืนยันได้มาถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ เตรียมดำเนินคดีคนทำให้วุฒิสภาเสียหาย

21 ก.พ. 68 ความเคลื่อนไหวล่าสุด ในกรณีการตรวจสอบการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 2567 มีความเข้มข้นขึ้น เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งผลการสืบสวนว่าพบหลักฐานการฮั้วเลือก สว. อย่างเป็นขบวนการ พบโพยฮั้ว 2 ชุด มีรายชื่อตรงกับผู้ได้รับเลือกเป็น สว. ถึง 138 คน และอีก 2 คนเป็นรายชื่อสำรอง

 

ทางฝ่ายวุฒิสภานำโดย นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วย พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และสมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่ง ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวปกป้องศักดิ์ศรี ยืนยันว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจในการสอบสวน และการเลือกตั้ง สว. อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เท่านั้น

เจาะลึก: ผลการสืบสวนของดีเอสไอ

 

ขบวนการฮั้ว ส.ว.ทำงานอย่างไร?

 

ตามเอกสารลับด่วนที่สุดที่ดีเอสไอส่งถึง กกต. ระบุว่าการสืบสวนพบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับขบวนการจัดตั้งให้ได้มาซึ่ง สว. ที่มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ โดยมีการจัดให้มีผู้สมัคร สว. ระดับอำเภอ กลุ่มละ 5 คน รวม 100 คน ใน 928 อำเภอทั่วประเทศ มีการจัดทำโพยฮั้วสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 2 ชุด กลุ่มละ 7 คน รวม 140 คน

 

ดีเอสไอระบุว่ามีผู้สมัครที่อยู่ในขบวนการประมาณ 1,200 คน หลังจากวันที่ 16 มิถุนายน 2567 ภายหลังผ่านการคัดเลือกระดับจังหวัด ขบวนการได้นัดหมายผู้สมัคร สว. ระดับประเทศไปจัดทำโพยฮั้วใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดนครนายก ในวันที่ 24 มิถุนายน 2567

ระบบค่าตอบแทน

 

ดีเอสไอยังพบระบบการจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้เข้าร่วมขบวนการอย่างเป็นขั้นตอน ดังนี้:

  • ระดับอำเภอ: 5,000 บาท
  • ระดับจังหวัด: 10,000 บาท
  • ระดับประเทศ: 40,000-100,000 บาท
  • โบนัสพิเศษ: หากได้ สว. มากกว่า 120 คน จะได้เพิ่มอีก 100,000 บาท

 

มีการจ่ายเงินมัดจำเป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท ส่วนที่เหลือจะได้รับหลังจาก กกต. รับรองผลการเลือกแล้ว

 

ปฏิกิริยาจากฝ่ายวุฒิสภา

 

สว. ยืนยันได้มาอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ

 

นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พร้อมสมาชิกส่วนหนึ่ง ได้แถลงข่าวระหว่างงานสัมมนาที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของสมาชิกวุฒิสภา ยืนยันว่า สว.ทุกคนเข้ามาภายใต้กติการัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง และปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

 

พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. ระบุว่าได้ตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว และย้ำว่ากรณียื่นร้อง DSI ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของวุฒิสภาในสายตาประชาชน โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ระบุถึงความผิดฐานอั้งยี่ ซ่องโจร ถือเป็นการให้ข่าวที่เกินเลยความจริง

 

พันตำรวจเอก กอบ อัจนากิตติ สว. กล่าวว่า การกล่าวหาว่าองค์กรของรัฐใช้อำนาจนิติบัญญัติแทนประชาชนไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการใส่ความให้เกิดความเสียหาย และบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนในกระบวนการนิติบัญญัติ พร้อมระบุว่าผู้ร้องที่นำเรื่องไปร้องดีเอสไอเป็นผู้ทำให้บ้านเมืองไม่เรียบร้อย มีเจตนาสร้างวิกฤตรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การแก้ไข

 

จุดยืนของ รมว.ยุติธรรม

 

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ยืนยันพบหลักฐานชัดเจน

 

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้ดีเอสไอได้ตั้งคดีสืบสวนไว้แล้ว และพบว่ามีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษว่าการเลือก สว. ครั้งดังกล่าวมีการกระทำผิดทั้งกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. และกฎหมายอาญาหลายมาตรา

 

"ผู้มาร้องได้มาพบกับผม และมีการนำโพยมาให้ ว่ากลุ่มที่ 1 หมายเลขนั้นหมายเลขนี้ฮั้วกัน จนถึงหมายเลข 20 ผมได้ถามว่าชื่อหมายเลขนั้นของกลุ่มนี้คือใคร จะพบว่าเป็น สว.อยู่ประมาณ 138 คน และ สว.ลำดับสำรองอยู่ 2 คน โดยเป็นพยานเอกสารซึ่งไม่มีใครทำได้" พ.ต.อ.ทวี กล่าว

 

รมว.ยุติธรรมยังระบุว่า การตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมคณิตศาสตร์แห่งประเทศไทยให้ความเห็นว่า "ถ้าไม่มีการฮั้วกันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ ถ้าจะเลือกคน 10 คน ก็ควรสลับกันบ้าง แต่นี่ไม่สลับกันเลย ลำดับตรงกับโพย"

 

ประเด็นข้อกฎหมาย: ใครมีอำนาจสอบสวน?

 

การตีความอำนาจการสอบสวนเป็นประเด็นสำคัญในคดีนี้ โดยดีเอสไอแจ้งไปยัง กกต. เพื่อสอบถามว่าจะรับไปดำเนินการตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา หรือจะให้ดีเอสไอรับไว้สอบสวนเป็นคดีพิเศษ

 

คำตอบจาก กกต. ระบุว่า กรณีดังกล่าวยังไม่ปรากฎว่าดีเอสไอมีการรับเป็นคดีพิเศษแล้วหรือไม่ จึงยังไม่เสนอเรื่องให้คณะกรรมการ กกต. พิจารณาตามมาตรา 49

 

ทางด้านดีเอสไอ เห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 97(3) ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 (ความผิดฐานอั้งยี่) และความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งต้องใช้วิธีการสืบสวนสอบสวนเป็นพิเศษ

 

ทิศทางคดีต่อจากนี้

 

ในเอกสารลับที่ดีเอสไอส่งถึง กกต. ได้ขอให้ กกต. แจ้งยืนยันความประสงค์มายังดีเอสไอภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ว่า มีความผิดทางอาญาใดบ้างที่ กกต. ประสงค์จะรับไว้ดำเนินการสอบสวนเอง และความผิดทางอาญาใดบ้างที่ กกต. ประสงค์จะให้ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน

 

ฝ่ายวุฒิสภาแจ้งว่ากำลังประสานกับ กกต. เพื่อขอข้อมูลที่เกี่ยวข้อง สำหรับนำมาให้สมาชิกวุฒิสภาเตรียมตัวชี้แจงข้อกล่าวหาหากถูกเรียกสอบ และย้ำว่าหากตรวจสอบข้อกฎหมายแล้วพบว่าบุคคล กลุ่มบุคคล หรือหน่วยงานใดทำให้วุฒิสภาเสียหาย จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด

 

นอกจากนี้ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา ได้ระบุว่าอาจจะขออนุญาตเข้าชื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พ.ต.อ.ทวี ในสภาฯ ด้วย ซึ่ง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่ายินดีที่จะชี้แจง