นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) เปิดเผยว่า การกลับเข้าสู่ช่วงทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประจำไตรมาส 4/67 และปี 67 ทำให้เป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนในการซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะออกมาดี
โดยในกลุ่มแรกที่โมเมนตัมออกมาดี คือ กลุ่มค้าปลีก เพราะในไตรมาส 4/67 สัญญาณยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ตีกลับมาเป็นบวกได้ในหุ้นบางตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลตามปัจจัยฤดูกาล (seasonal) การจับจ่ายใช้สอยช่วงเทศกาลปลายปี อีกความน่าสนใจ คือ ราคาหุ้นในปัจจุบันยังอยู่ในโซนล่างและไม่แพง
อีกทั้ง ยังมีความน่าสนใจจากสตอรี่ถัดไป คือ การใช้จ่ายงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐของภาครัฐ ทั้งโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต และ Easy E-Receipt 2.0 รวมถึงมาตราการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งมองว่าจะส่งอานิสงส์เชงบวกทางอ้อมให้กับกลุ่มค้าปลีกร่วมด้วย
มองว่าในกลุ่มหุ้นค้าปลีกนั้น CPALL (ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท) และ CPAXT มีความน่าสนใจมากที่สุดในกลุ่ม โดยคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานทั้งในแง่ของรายได้จากการขายและกำไร ในไตรมาส 4/67 จะออกมาดีกว่าทั้งเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า รวมถึงภาพรวมปี 67 ที่คาดว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน
นอกจากนี้ กลุ่มหุ้นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ Tech Consult ก็มีความน่าสนใจในการลงทุนเช่นเดียวกัน มองว่าผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 6 เดือนแรกปี 67 โดยสัญญาณในช่วงครึ่งหลังปี 67 กลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้งานในมือรอการส่งมอบ (Backlog) ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ในหุ้นกลุ่ม Tech Consult ทางฝ่ายค่อนข้างชอบ BBIK เพราะมีสตอรี่เฉพาะตัว โดยการคว้างานพัฒนาระบบจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ทของรัฐบาลมูลค่า 90 ล้านบาท โดยเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 67 คิดเป็นประมาณ 5% ของมูลค่างานทั้งหมดที่ได้มา และกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. 68 นี้
ทำให้จะรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวเข้ามาเพิ่มในไตรมาส 1/68 อีก 95% หรือราว 85 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นราว 20% ของรายได้ระดับไตรมาสละ 380-400 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีนัยสำคัญพอ ดังนั้นงานนี้จะเข้ามาประคองในช่วงโลวซีซันในไตรมาส 1/68 ได้
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ประมาณ 93 ล้านบาท ทำสถิติใหม่ แนวโน้มขยายตัว 5.4% จากไตรมาสก่อน และ 19.7% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากเป็นไฮซีซันของธุรกิจ และยังมี Backlog จากกิจการร่วมค้าอยู่ 144 ล้านบาท ทางฝ่ายคาด BBIK จะรับรู้กำไรจากส่วนนี้ราว 20 ล้านบาท
ในแง่ของรายได้นั้น คาดว่าในไตรมาส 4/67 จะอยู่ที่ 417 ล้านบาท แนวโน้มขยายตัว 7.1% จากไตรมาสก่อน และโต 12.2% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ตามฤดูกาล ประกอบกับยังมี Backlog ที่จะรับรู้ในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 355 ล้านบาท นอกจากนี้ระหว่างไตรมาสยังมีรายได้จากงานที่ได้มาใหม่เพิ่มเติมอีกด้วย
ทางฝ่ายยังคงประมาณการปี 68 โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัว 32.0% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน จากเทรนด์ Digital transformation อยู่ในช่วงเร่งตัว BBIK ตั้งเป้าการเติบของรายได้ราว 20-30% จากปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของทางฝ่าย โดยในราคาเป้าหมายที่ 50.00 บาท
หุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจ คือ หุ้นโรงแรม เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4 ปกติของทุกปีจะเป็นไฮซีซันของการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอย ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักทั้งหมดในโรงแรม (RevPAR) กลับมาอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งในกลุ่มหุ้นโรงแรมทางฝ่ายชอบ ERW ประเมินราคาเป้าหมาย 5.00 บาท
โดยสตอรี่ที่น่าสนใจของ ERW อาทิ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พัทยาปรับปรุงเสร็จแล้ว แม้ว่ายังมีความกังวลต่อประเด็นค่าเช่าใหม่ของ Grand Hyatt Erawan แต่ก็รับรู้ในราคาไปมากแล้ว สำหรับประเด็นข่าวการวางยาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เกิดขึ้นในไตรมาส 3/67 อาจทำให้สัญญาณแผ่วไปบ้าง แต่ไตรมาส 4/67 กลับมาดูดีขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์กลับมามีความน่าสนใจอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากคุณภาพสินเชื่อที่กลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น ภาครัฐเองก็พยายามที่จะหามาตรการมาช่วยแก้หนี้ให้กับประชาชน ส่งผลให้อัตราหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) กลับมาอยู่ในระดับที่ดีขึ้น ในกลุ่มนี้มองว่า MTC ค่อนข้างมีความน่าสนใจ คาดว่าคุณภาพสินทรัพย์กลับมาดีขึ้นได้ราว 8%