สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จัดทำร่างรายงานสรุปผลการดำเนินการตาม "ยุทธศาสตร์ชาติ" ประจำปี 2567 โดยการประเมินผลการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งล่าสุดอยู่ในช่วงที่ 2 ของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2566 - 2570) และเมื่อพิจารณาการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติในภาพรวม 6 มิติ พบข้อมูลน่าสนใจในมิติต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้
มิติที่ 1 ความอยู่ดีมีสุขของคนไทยและสังคมไทยมีพัฒนาการดีขึ้น สะท้อนจากดัชนีความสุขโลกที่ประเทศไทยมีทั้งอันดับและคะแนนดีขึ้นอยู่ในอันดับที่ 58 จาก 146 ประเทศ และมีคะแนนอยู่ที่ 5.976 คะแนน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการรับรู้ต่อการทุจริตในประเทศของประชากรไทยเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมไทย อยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาจากดัชนีความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมไทย ที่มีค่าดัชนีฯ อยู่ที่ 52.30 ลดลงจากปีก่อนหน้าที่มีค่าดัชนีฯ อยู่ที่ 54.84 จาการลดลงของคะแนนองค์ประกอบหลัก ได้แก่ ทุนทางวัฒนธรรม การมีสังคมที่เป็นธรรมและปลอดภัย และสภาพแวดล้อมที่มีคุณภาพและยั่งยืน
มิติที่ 2 ขีดความสามารถในการแข่งขันดีขึ้น แต่การพัฒนาเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้ของประเทศไทยลดลง สะท้อนจากอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2 จาก 67 ประเทศ ด้วยคะแนน 72.5 คะแนน ดีขึ้นจากอันดับที่ 30 ด้วยคะแนน 74.54 คะแนนจากปีก่อนหน้า
ทั้งนี้เป็นผลจากการพัฒนาด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจและประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ ถึงแม้ว่าค่าคะแนนจะลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
แต่การพัฒนาเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้ของประเทศลดลง จากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่มีการขยายตัว 2% ชะลอลงจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 2.6% เนื่องจากการลดลงของการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ และความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ภาคต่อหัวระหว่างภาคที่มีมูลค่าสูงสุดกับต่ำสุด โดยมีความแตกต่างอยู่ที่ 5.4 เท่า ซึ่งปรับตัวแย่ลงจากปีก่อนหน้าที่มีความแตกต่างอยู่ที่ 5.1 เท่า
มิติที่ 3 การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยสะท้อนจากดัชนีความก้าวหน้าของคน ที่มีระดับการพัฒนาคนเท่ากับ 0.6383 ลดลงจาก 0.6443 อันเป็นผลมาจาก การลดลงของดัชนีย่อย 5 ด้าน ได้แก่ ด้านชีวิตครอบครัวและชุมชน ด้านการศึกษา ด้านการมีส่วนร่วมด้านสุขภาพ และด้านที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อม
อย่างไรก็ตามในด้านการคมนาคมและการสื่อสาร ด้านเศรษฐกิจ และด้านชีวิตการงาน มีค่าดัชนีปรับตัวสูงขึ้น
มิติที่ 4 ความเท่าเทียมและความเสมอภาคของสังคมดีขึ้น สะท้อนจากดัชนีความก้าวหน้าทางสังคม ทั้งอันดับและคะแนนดีขึ้นมาอยู่อันดับที่ 68 จาก 170 ประเทศและมีคะแนนอยู่ที่ 70.67 คะแนน เนื่องจากองค์ประกอบน้ำและสุขาภิบาล ที่พักอาศัย ความปลอดภัย การเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน คุณภาพสิ่งแวดล้อม สิทธิและเสรีภาพ และสังคมที่เข้าถึงทุกคนมีคะแนนสูงขึ้น
ขณะที่ความเหลื่อมล้ำในสังคมลดลง พิจารณา จากค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคด้านรายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคที่มีค่าอยู่ที่ 0.335 ลดลงจากที่มีค่า อยู่ที่ 0.343 และความแตกต่างของรายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคเฉลี่ยของกลุ่มประชากรที่รวยที่สุด ต่อกลุ่มประชากรที่จนที่สุดลดลงอยู่ที่ 7.79 เท่า คิดเป็นการปรับตัวดีขึ้น 9.52%
มิติที่ 5 ความหลากหลายทางชีวภาพและคุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยดีขึ้น สะท้อนจากดัชนี สมรรถนะสิ่งแวดล้อมโลกมีอันดับและค่าดัชนีดีขึ้น โดยค่าดัชนีอยู่ที่ 45.7 ดีขึ้น 19.9% และอยู่ในอันดับที่ 90 จาก 108 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากระบบนิเวศที่มีความสมบูรณ์เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติเป้าหมายที่ 14 ระบบนิเวศทางทะเลและ 15 ระบบนิเวศบนบก ชี้ให้เห็นว่าแม้จะมีความก้าวหน้าในการรักษาสมดุลทรัพยากรธรรมชาติบนบกและการพัฒนาระบบนิเวศทางทะเล แต่ยังเป็นความท้าทายสำคัญของประเทศที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่สถานการณ์ความยั่งยืน ของทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยดีขึ้น สะท้อนจากดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจสีเขียว โดยมีค่าดัชนีอยู่ที่ 58.2 ดีขึ้น 17.58% โดยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาพรวมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจสีเขียวดีขึ้น
มิติที่ 6 ประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการเข้าถึงการให้บริการของภาครัฐปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากดัชนีชี้วัดธรรมาภิบาลโลกที่ประเทศไทยมีคะแนนเฉลี่ยดีขึ้นมาอยู่ที่ -0.11 คะแนน จากการเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เสถียรภาพทางการเมือง ประสิทธิผลของภาครัฐ และหลักนิติธรรม เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม อันดับประสิทธิภาพของภาครัฐของประเทศไทยยังอยู่ในระดับคงเดิมในอันดับที่ 24 จากการเพิ่มขึ้นของปัจจัยการคลังภาครัฐ แต่ปัจจัยนโยบายภาษีและกรอบบริหารด้านสังคมยังอยู่ในสถานนะคงที่ จะกรอบบริหารภาครัฐและกฎหมายด้านธุรกิจลดลง
ขณะที่อันดับเสรีภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยลดลง ทั้งอันดับและคะแนน อยู่ในอันดับที่ 87 และมีค่าคะแนนอยู่ที่ 59.00 คะแนน ซึ่งมีผลกระทบมาจากประเทศไทย ยังคงเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ อาทิ ความไม่มั่นคงทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน และศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ และการทุจริตคอร์รัปชันยังคงมีอยู่ รวมทั้งเสถียรภาพทางการเงินยังคง รักษาไว้ได้แม้จะมีแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อ