จุดบอด “Entertainment Complex” ความเสี่ยงไทยขึ้นแท่นฮับฟอกเงิน

27 ก.พ. 2568 | 19:17 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.พ. 2568 | 19:24 น.

“Entertainment Complex” ความเสี่ยงไทยขึ้นแท่นฮับฟอกเงิน กฎหมายขาดความชัดเจนการดูแลป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายประเทศให้บริการกาสิโนเผชิญ

สถานบันเทิงครบวงจร หรือ “Entertainment Complex” โปรเจคใหญ่ ภายใต้การผลักดันของรัฐบาล “นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เริ่มเป็นรูปธรรม

ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ซึ่งเป็นร่าง พ.ร.บ. ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาในวาระที่หนึ่ง โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 1 มี.ค.68 และนำความคิดเห็นที่ได้รับไปปรับปรุง ก่อนนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ร่างกฎหมายดังกล่าว ยังขาดความชัดเจนในด้านการดูแลป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายประเทศให้บริการกาสิโนเผชิญ

โดยอ้างอิงจากเหตุการณ์ในสิงคโปร์ เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา สิงคโปร์ต้องเผชิญกับคดีฟอกเงินครั้งใหญ่ที่สุด มีมูลค่ากว่า 2.8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (หรือราว 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้สิงคโปร์มีการทบทวนกฎระเบียบ และออกนโยบายต่อต้านการฟอกเงินที่เข้มงวดยิ่งขึ้น แม้ว่าเดิมสิงคโปร์จะมีกฎหมายหลายฉบับและหน่วยงานมากมายที่ทำหน้าที่ควบคุม กาสิโน และการฟอกเงินอยู่แล้ว

ทั้งนี้ สอดคล้องกับนักวิชาการ ที่มีความกังกลในประเด็นการฟอกเงินเช่นเดียวกัน โดยรศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน กล่าวว่า โดยทั่วไปบ่อนกาสิโนมักเป็นที่หมายปองของอาชญากรที่ต้องการฟอกเงิน ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้แต่กาสิโนในประเทศตะวันตกที่มีธรรมาภิบาลและความโปร่งใสสูงกว่าไทย ก็ยังถูกปรับอยู่เป็นประจำเมื่อมาตรการป้องกันการฟอกเงินหย่อนยาน

รศ.ดร.นวลน้อย กล่าวว่า จากกรณีศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ที่เปิดกาสิโนมาตั้งแต่ปี 2519 ในช่วงแรก รายได้ 75% ของคาสิโนในฟิลิปปินส์มาจากห้อง VIP ที่มีระบบตัวแทน (junket) ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน เมื่อจีนปราบปรามการทุจริตและออกมาตรการควบคุมการพนัน ทำให้รายได้จากห้อง VIP ลดลงเหลือเพียง 25% นักท่องเที่ยวของฟิลิปปินส์ก่อนเกิด COVID-19 มีประมาณ 8-9 ล้านคน ปัจจุบันเหลือไม่ถึง 5 ล้านคน แต่รายได้จากกาสิโนไม่ได้ลด เพราะไปกระตุ้นให้คนในประเทศเล่นพนันมากขึ้น เป็นต้น 

นอกจากนี้ United Nations Office on Drugs and Crime (UNODC) ได้รายงานเรื่องบ่อนคาสิโน การฟอกเงิน เงินนอกกฎหมายและองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติในเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้: ภัยคุกคามซ่อนเร้นและเร่งขยายตัว เมื่อเดือนม.ค. 67 โดยระบุ กระบวนการฟอกเงินเกิดขึ้นใน 3 ขั้นตอน ได้แก่ 

  1. การวางเงิน (Placement) เมื่อเงินถูกโอนเข้าสู่ระบบ การเงินหรือธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย
  2. การสร้างระดับขั้นอำพราง (Layering) คือกระบวนการที่เงินถูกแยกจากจากแหล่งที่ผิดกฎหมายเป็นชั้นๆ ทำให้เกิดความยากลำบากสำหรับเจ้าหน้าที่ในการติดตามเส้นทางการเงิน
  3. การผสานนำเงินเข้าระบบ (Integration) เมื่อเงินโอนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่ถูกฎหมายหลังจากการฟอกตัวเงินก็จะกลายเป็นเงินที่ข้าวสะอาด และเจ้าหน้าที่ระบุไม่ได้ว่าเงินมีต้นตอมาจากไหน

ทั้งนี้ UNODC ยังย้ำถึงความท้าทายที่สำคัญที่สุดคือการสร้างระบบการทำงานที่เป็นมืออาชีพและการพัฒนาความชำนาญการ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนในภูมิภาคร่วมมือกันอย่างจริงจังในการแก้ไขปัญหานี้ก่อนที่สถานการณ์จะลุกลามบานปลายจนยากแก่การควบคุม

ขณะที่ผลการศึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อปี 2567  ที่ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปิด Entertainment Complex ว่า ผลกระทบทางบวกที่อาจมีต่อเศรษฐกิจ คือ การดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทต่อแห่ง เพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาล เพิ่มรายได้การท่องเที่ยว เพิ่มรายได้ของธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร และสร้างงาน กระจายรายได้

อย่างไรก็ตาม ในด้านผลกระทบทางลบที่อาจมีต่อเศรษฐกิจไทยก็มีเช่นเดียวกัน ได้แก่ เพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจใต้ดิน ทั้งการเลี่ยงภาษี การฟอกเงินผ่านกาสิโน และการพนัน การเติบโตของธุรกิจผิดกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการพนัน ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ที่อาจเพิ่มขึ้น ผลกระทบต่อหนี้สินครัวเรือน และต้นทุนสังคมจากปัญหาการติดพนัน เป็นต้น 

ด้านก่อนหน้านี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ เป็นคนละเรื่องกันเลย ซึ่งข้อกังวลว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะเป็นแหล่งของการฟอกเงินและปัญหาทางสังคมนั้น มองว่า ไม่ควรใช้ความกังวลเหล่านี้มาเป็นจุดตั้งต้น ซึ่งจะอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ 

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

“เรามองว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทย ส่วนอะไรที่เป็นจุดปกพร่อง หรือช่องโหว่รัฐบาลจะดำเนินการให้รัดกุมและคุมเข้มเรื่องการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว”นายจุลพันธ์กล่าว 

ทั้งนี้ ข้อกังวลว่า Entertainment Complex จะเป็นแหล่งการฟอกเงิน หรือสร้างปัญหาทางสังคมตามมานั้น ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการพูดถึงความเสี่ยง หรือผลกระทบทางสังคมมา พร้อมได้มีการวางกลไกเพื่อมาดูแลผลกระทบจากโครงการมาโดยตลอด 

ขณะที่การลงทุนในโครงการนี้ที่ต้องใช้เม็ดเงินเป็นหลักแสนล้านบาท หากมีปัญหาเรื่องการฟองเงินจริง หรือไม่ถูกต้องนักลงทุนจะกล้ามาเสี่ยงเรื่องพวกนี้หรือไม่ เพราะหากทำผิดกฎหมายเรื่องการฟอกเงินในไทยเขาก็ต้องยกเลิกใบอนุญาต ผลกระทบทางธุรกิจเขามากกว่านั้น 

“รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เราได้มีการพูดถึงความเสี่ยง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทางสังคมมาโดยตลอด และไม่ได้ปิดบังความจริง ขึ้นอยู่กับผู้วิจารณ์ว่าได้มีการอ่านสิ่งที่ผมพูดหมดหรือไม่ หากมีแนวความคิดเป็นอุปสรรคเป็นตัวตั้งต้น ประเทศจะไม่สามารถเดินหน้าได้"นายจุลพันธ์กล่าว

ทั้งนี้ ประเทศไทยต้องมีจุดเปลี่ยน ซึ่งโครงการนี้เป็นหนึ่งในนั้นที่เราจะผลักดัน เชื่อว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจไทย

สำหรับ Entertainment Complex ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเปิดรับฟังความเห็นอยู่ขณะนี้ เริ่มเห็นความชัดเจน เรื่องการเข้มงวด ป้องกันคนในประเทศหมกมุ่นพนัน โดยกำหนดให้ผู้เล่นต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อจะสามารถเข้าใช้บริการในส่วนของกาสิโนได้ แต่อีกหนึ่งจุดบอดที่ฝ่ายกฎหมายควรมองเห็นและให้ความสำคัญด้วย คือ มาตรการกำกับดูแลการฟอกเงิน 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “กาสิโน” มักเป็นที่จับจ้องของการฟอกเงิน สุดท้ายแล้ว ไม่ว่า พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร จะออกมาอย่างไร แต่สิ่งที่รัฐบาลควรตระหนัก คือ ภัยคุกคามที่อาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศ สร้างความเสี่ยงใหม่ “ไทยขึ้นแท่นฮับฟอกเงิน” ซึ่งก่อนจะถึงจุดนั้น การเตรียมมาตรการรัดกุมเข้ามาดูแล ดีกว่าปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ วัวหายแล้วล้อมคอก